รายงานแคสเปอร์สกี้เผย Work From Home เหตุพนักงานในอาเซียนเสียสมดุลชีวิต พบ 46% ทำงานเกินเวลากว่าปกติ 57 % กังวลเรื่องการใช้ดีไวซ์ส่วนตัวเพื่อทำงาน และกังวลเรื่องความปลอดภัยออนไลน์มากขึ้น
การวิจัยล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ เรื่อง “More connected than ever before: how we build our digital comfort zones” พบผู้ใช้ที่รู้สึกว่า การทำงานที่บ้านสร้างภาระงานที่หนักกว่าปกติ อีกทั้งการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นเรื่องยากขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 46 % ระบุว่าการปิดเครื่องหลังเลิกงานทำได้ยากกว่าตอนเดินทางไปทำงานสำนักงาน และเป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 42% นอกจากนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ (62%) เปิดเผยว่ารู้สึกอึดอัดกับจำนวนการประชุมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
การวิจัยนี้ดำเนินการโดยแคสเปอร์สกี้ บริษัทผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก โดยสำรวจผู้ให้สัมภาษณ์ 760 คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การสำรวจยังเปิดเผยถึงความกังวลของพนักงานที่ต้องทำงานจากบ้านในช่วงเวลาที่มีการระบาดใหญ่ ซึ่งสำนักงานส่วนใหญ่ยังคงปิดอยู่เนื่องจากการล็อกดาวน์
ทั้งนี้ผลการวิจัยดังกล่าวมีประเด็นด้านความปลอดภัยทางออนไลน์ที่สำคัญได้แก่ ประเด็นแรกคือ จากลักษณะของงานที่ทำจากที่บ้านนั้นเป็นงานที่เป็นความลับ มีผู้ตอบแบบสอบถาม 62% ในภูมิภาค ซึ่งสูงกว่าตัวเลขจากทั่วโลก (49%) ประเด็นที่สอง ผู้ตอบแบบสอบถาม 57 % ระบุว่าเทคโนโลยีในบ้านไม่ปลอดภัยเท่ากับเทคโนโลยีในสำนักงานซึ่งสูงกว่าตัวเลขระดับโลก (48%) และ ผู้ตอบแบบสอบถามต่างกังวลว่าการใช้คอมพิวเตอร์ของตนเองอาจเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูลการทำงาน
นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของแคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่จากภูมิภาคนี้ทำงานจากที่บ้านในช่วงนี้ ซึ่งยังคงมีมาตรการล็อกดาวน์เนื่องจากโรคระบาด น่ายินดี ที่ผู้ใช้หลายคนเริ่มกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยออนไลน์ของตนมากขึ้น เนื่องจากการวิจัยก่อนหน้านี้ของแคสเปอร์สกี้พบว่าธุรกิจ 52 % เห็นด้วยว่าพนักงานเป็นจุดอ่อนที่สุดด้านความปลอดภัยไซเบอร์”
แต่ก็ยังมีประเด็นด้านบวกเช่นกัน โดย บุคคลที่ถูกสำรวจ 62 % ยอมรับว่าการทำงานจากที่บ้านทำให้ตระหนักถึงความปลอดภัยทางดิจิทัลมากขึ้น และ 56% ระบุว่านายจ้างได้ให้คำแนะนำที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลการทำงานที่เป็นความลับทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 4 ใน 10 ที่ไม่ยอมรักษาความปลอดภัย และคิดว่าทุกอย่างได้รับการปกป้องและปลอดภัยแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบครึ่งหนึ่ง (42%) สารภาพว่าได้แบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ด้วยในที่พักรวม และไม่แน่ใจเกี่ยวกับความปลอดภัยและความปลอดภัยของอุปกรณ์เนื่องจากไม่ทราบวิธีใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
“การตั้งค่าการทำงานระยะไกลเป็นวิธีปฏิบัติที่ต้องดำเนินการ เพื่อให้พนักงานมีสุขภาพจิตที่ดีสิ่งสำคัญคือต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อและทำงานเฉพาะในเวลาทำการ สำหรับองค์กร เหตุการณ์ต่างๆ เช่นการโจมตีของ Wannacry และการปล้นธนาคารบังกลาเทศควรยังคงเป็นเครื่องเตือนใจว่า พนักงานสามารถเป็นเว็กเตอร์การโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากกลอุบายวิศวกรรมสังคมแบบเก่าที่ยังคงมีประสิทธิภาพ ตอนนี้ธุรกิจควรพิจารณาถึงเทคโนโลยีการฝึกอบรมที่ใช้ AI ประมวลการตอบสนองของผู้เข้ารับการฝึกอบรม และปรับแต่งด้วยการฝึกอบรมและการเสริมแรงในระดับที่เหมาะสม แทนที่จะใช้เนื้อหาหลักสูตรเดียวกันกับทุกคนซึ่งน่าเบื่อ” นายโยวกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ แนะนำเคล็ดลับ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำงานที่บ้านคือ1.ติดตั้งโซลูชันความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เช่น Kaspersky Security Cloud บนอุปกรณ์ทั้งหมดที่จัดการข้อมูลขององค์กร 2. อัปเดตทุกสิ่งที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ใด ๆ ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำงานเป็นประจำ 3. กำหนดค่าการเชื่อมต่อเครือข่ายอย่างถูกต้อง ขั้นแรกตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อได้รับการเข้ารหัสเพื่อให้ข้อมูลปลอดภัยจากการสอดรู้สอดเห็น สามารถใช้การตั้งค่าเราท์เตอร์เพื่อเลือกหรือเปลี่ยนประเภทของการเข้ารหัสและจำไว้ว่ารหัสผ่าน Wi-Fi ควรมีความรัดกุม
4.เปลี่ยนการเข้าสู่ระบบเราท์เตอร์และรหัสผ่าน รหัสผ่านเริ่มต้น (default) ในหลายๆ รุ่นที่เปราะบางเกินไป และยังเป็นที่รู้จักในอินเทอร์เน็ตและค้นหาได้ง่าย 5.ใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน เมื่อเชื่อมต่อผ่าน VPN ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเข้ารหัสโดยไม่คำนึงถึงการตั้งค่าเครือข่ายและบุคคลภายนอกจะไม่สามารถอ่านได้ 6.ใช้ทรัพยากรขององค์กรเมื่อแลกเปลี่ยนเอกสารและข้อมูลอื่นๆ คลาวด์ไดรฟ์ที่กำหนดค่าสำหรับธุรกิจโดยทั่วไปมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้งานฟรี และ7.ควรสงสัยอีเมลที่มีลิงก์เป็นพิเศษ หากลิงก์ไม่ชี้ไปที่ทรัพยากรขององค์กร ควรเพิกเฉยไม่เปิดใช้งาน
สำหรับ Kaspersky Adaptive Online Training (KAOT) เป็นโซลูชันหลักสูตรการฝึกอบรมการรับรู้ด้านความปลอดภัย ซึ่งรวมเนื้อหาจากประสบการณ์กว่า 20 ปีของแคสเปอร์สกี้ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และวิธีการเรียนรู้และการพัฒนาขั้นสูงที่พัฒนาโดยบริษัท Area9 Lyceum บน Rhapsode™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้แบบปรับอัตโนมัติสี่มิติแห่งแรกของโลก สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://kas.pr/su47