สกสว.จับมือสวทช.และวช. โชว์สินค้านวัตกรรม SMEs พร้อมมอบรางวัล Innovative house awards 2020 หวังกระตุ้นการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจ
วันนี้ ( 2 พ.ย. 63) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)ร่วมลงนามใน “บันทึกข้อตกลงการดำเนินงานและการโอนการดำเนินงาน ภายใต้โครงการการสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง (ระยะที่ 3)” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนบนฐานความรู้ ภายใต้แนวคิด “วิจัยได้…ขายจริง” ผ่านกลไกการทำงานของโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สวทช. และชุดโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative house วช. โดยการจัดสรรทุนวิจัยจาก สกสว. ให้แก่นักวิจัย คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอางและเวชสำอาง
รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ สกสว. เปิดเผยว่า โครงการนี้มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการสนับสนุนทุนวิจัยด้วยการสร้างองค์ความรู้ที่เหมาะสมผ่านกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับการจัดการด้านธุรกิจและการใช้แนวความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และผลักดันสินค้าจากผลงานวิจัยไปสู่การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมและจำหน่ายจริงในเชิงพาณิชย์ รวมถึงสนับสนุนให้นักวิจัยในมหาวิทยาลัยมีโอกาสพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการ SMEs ทำให้ได้ประสบการณ์การทำงานแบบบูรณาการร่วมกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวนโยบายที่ สกสว. มุ่งหวังให้งานวิจัยและพัฒนาเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นและสร้างความแตกต่างของสินค้าในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ด้านดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สวทช. ได้ร่วมกับ สกสว. ในการดำเนินงานภายใต้โครงการนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 ซึ่ง สวทช. ได้มุ่งเน้นในการสนับสนุนงานวิจัยและสนับสนุนให้มีการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถให้แก่ภาคอุตสาหกรรมจนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs โดยในงานนี้ได้นำผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการดำเนินงานมาร่วมจัดแสดง 110 โครงการ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้ามากกว่า 135 ผลิตภัณฑ์ จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 88 ราย โดยมีการทำงานเชื่อมโยงกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสในการจัดจำหน่ายสินค้า โดยในปีนี้ สวทช. ยังได้ร่วมมือกับ สกสว. และ วช. ดำเนินงานในโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมในกลุ่มอาหาร เครื่องสำอางและเวชสำอาง และมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ
ขณะที่ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ วช. กล่าวว่า วช. มีความยินดีที่จะร่วมดำเนินการในโครงการนี้ เนื่องจากเป็นการดีที่จะได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยจะร่วมกับ สวทช. และ สกสว. ในการบริหารจัดการงานวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อผลักดันงานวิจัยที่เกิดขึ้นให้สามารถจัดจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์ โดยในโครงการนี้มีรูปแบบทุนวิจัย 2 รูปแบบ คือ 1) กลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างสินค้านวัตกรรม และ 2) กลุ่มการวิจัยในระดับปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตในระดับอัพสเกล เพราะเมื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้แล้วยังคงต้องศึกษาด้านต่าง ๆ ในเชิงลึกยิ่งขึ้น เช่น การวิเคราะห์สารชีวภาพ คุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงการพัฒนากระบวนการผลิตระดับอัพสเกล เป็นต้น เพื่อให้โครงการรองรับความต้องการของผู้ประกอบการ ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs ได้ดี
ทั้งนี้ในงานดังกล่าวนี้ ได้จัดให้มีการเสวนา เรื่อง “กว่าจะได้งานวิจัยที่พร้อมจะขายจริงในเชิงพาณิชย์” และจัดแสดงผลงานนวัตกรรมอาหาร เครื่องสำอางและเวชสำอาง จาก “โครงการการสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระยะที่ 2” โดยการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยจาก 110 โครงการ (จำนวน 135 ผลิตภัณฑ์) จาก 8 กลุ่มงานวิจัย ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขนมหวาน และผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเวชสำอาง
นอกจากนี้ยังได้มีพิธีมอบรางวัล Innovative house awards 2020 และการประกาศผลรางวัลผลงานวิจัยเด่นในแต่ละด้านจำนวน 12 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลผู้ประกอบการดีเด่น ได้แก่คุณสุรวิชญ์ ทิพยารมณ์ จากบริษัท โกลบอล พาร์ทเนอร์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด คุณธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย จากบริษัท พี.พี.เอ็น.ฟู้ดส์ จำกัด คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน จากบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด คุณสวรรพิศา จงเพิ่มวัฒนะผล จากบริษัท ช.โปรเซสซิ่งฟู้ด จำกัด และ คุณบัณฑิตา ใจวิสุทธิ์หรรษา จากบริษัท โอเมก้า 3,6, 9 แอนด์ไลโคปีน จำกัด
ส่วนรางวัลออกแบบบรรจุภัณฑ์เด่น คือ ผลิตภัณฑ์เฝอพร้อมรับประทาน จากบริษัท วินนา จำกัด ซึ่งออกแบบโดย ผศ.ดร.ธเนศ ภิรมย์การ และคณะ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รางวัลผลิตภัณฑ์นวัตกรรม คือ ผลิตภัณฑ์ซุปก้อนทุเรียน จากบริษัท พรทิพย์ พรีเมี่ยม จำกัด ซึ่งวิจัยและพัฒนาโดย ผศ.ดร.อรรณพ ทัศนอุดมและคณะ จากสาขาอุตสาหกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก
รางวัลผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ คือ ผลิตภัณฑ์น้ำพริกแซลมอนพร้อมรับประทาน จากบริษัท พี.พี.เอ็น.ฟู้ดส์ จำกัด วิจัยและพัฒนาโดย ดร.กฤติยา เขื่อนเพชร จากสาขาเทคโนโลยีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รางวัลผลิตภัณฑ์แนวคิดสร้างสรรค์ คือ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากจิ้งหรีด จากบริษัท อินเซ็ค โปรตีน จำกัด วิจัยและพัฒนาโดย ผศ.ดร.อรรณพ ทัศนอุดมและคณะ จากสาขาอุตสาหกรรมเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก
รางวัลทีมวิจัยดีเด่น คือ ผศ.ดร. สุชาดา ไม้สนธิ์ และคณะ จากสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร รางวัลทีมวิจัยสร้างสรรค์ คือ ผศ.ดร. พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์ และคณะ จากสาขาวิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และรางวัล Popular Vote คือ ผลิตภัณฑ์เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม จากบริษัท ฟู้ด โคเวอรี่ จัดกัด นายบดินทร์ เจริญพงศ์ชัย
ทั้งนี้ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการนี้สามารถติดต่อไปได้ที่ ชุดโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative house วช. ติดต่อได้ที่เบอร์ 034-106238 หรือ www.innovativehouse.org และเพจเฟสบุค Innovative house Shift & Go beyond Boundaries