NEPS เติบโตไม่หยุด ซิวโปรเจ็กต์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้ 2 โรงเรียนชั้นนำของไทยทั้ง “ร.ร.นานาชาติ โชรส์เบอรี” และ “ร.ร.อำนวยศิลป์” รวม 1,126 กิโลวัตต์ ประหยัดค่าไฟได้ปีละ 5 ล้านกว่าบาท และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์แตะ 8 แสนกิโลกรัมต่อปี สร้างเทรนด์ใหม่โรงเรียนสีเขียวที่มุ่งใช้พลังงานสะอาดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดภาวะโลกร้อน และตอบโจทย์การเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกให้ยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นแนวทางลดต้นทุนและประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว เผยมีหลายโรงเรียนให้ความสนใจและพร้อมเซ็นสัญญาเพิ่มเติม โดยมั่นใจกลุ่มธุรกิจโรงเรียนเป็นลูกค้าศักยภาพที่จะช่วยเสริมพอร์ตการเติบโตของ NEPS ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี้ พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ผู้นำด้านการให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล กล่าวว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจในการเข้าไปติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ให้กับโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ-ริเวอร์ไซด์ แคมปัส และโรงเรียนอำนวยศิลป์ ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพสูงและเติบโตเป็นประชากรโลกที่มีคุณภาพ อีกทั้งยังมีแนวทางการบริหารโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม มีแผนงานด้านการประหยัดพลังงาน รวมถึงมีแนวคิดและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ผ่านโซลาร์รูฟท็อปที่จะช่วยดูแลโลกในระยะยาว
“NEPS เข้าไปร่วมวางแผนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงเรียน ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่และการติดตั้งให้มีความเหมาะสมและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ซึ่งโรงเรียนทั้งสองแห่งมีการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปรวมกว่า 60 ล้านบาท โดยโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ-ริเวอร์ไซด์ แคมปัส มีขนาดติดตั้ง 998 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ 420 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 30 ล้านบาท สามารถประหยัดค่าไฟได้ปีละ 5,000,000 บาท และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 700,000 กิโลกรัมต่อปี ขณะที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ทำการติดตั้งระบบโซลาร์ขนาด 128 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ 60 ตารางเมตร ประหยัดค่าไฟได้ปีละ 650,000 บาท ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 90,000 กิโลกรัมต่อปี และ NEPS ยังชนะประมูลการก่อสร้างหลังคาเพื่อรองรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงงานปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารอเนกประสงค์ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 30 ล้านบาท”
นายตรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยเฉพาะช่วงเวลากลางวันที่มีการทำการเรียนการสอน หรือการทำกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ ภายในโรงเรียน ซึ่งการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะช่วยลดต้นทุนและประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว อย่างไรก็ดี โรงเรียนที่มีความสนใจและต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะต้องมีพื้นที่หลังคาที่กว้างและแข็งแรงเพียงพอสำหรับการติดตั้งแผงโซลาร์ โดย NEPS มีทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์สูงพร้อมให้บริการในการสำรวจหน้างาน ครอบคลุมถึงการดูแลและให้คำแนะนำ และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสริมโครงสร้างหลังคา ทาง NEPS ก็มีทีมวิศวกรหลังคาที่สามารถให้คำแนะนำตลอดไปถึงการให้บริการเสริมโครงสร้างหลังคาด้วยเช่นกัน
“การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนอกจากจะช่วยโรงเรียนประหยัดค่าไฟแล้วยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและลดการเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นจากการผลิตไฟฟ้า ถือได้ว่าแนวทางสำหรับโรงเรียนที่สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ต้องการสร้างโรงเรียนสีเขียว และต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน รวมถึงสร้างสรรค์โลก ใบนี้ให้มีความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ NEPS ที่ต้องการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลกด้วยเช่นกัน โดยการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนับเป็นการใช้พลังงานสะอาดที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นเทรนด์ด้านพลังงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
ทั้งนี้ NEPS อยู่ระหว่างการพูดคุยและทำสัญญากับโรงเรียนอื่นๆ เพิ่มเติม โดยมีหลายโรงเรียนได้ให้ความสนใจในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งแผงโซลาร์เซลล์ในปัจจุบันได้รับการอัปเกรดจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผ่นโซลาร์สมัยก่อนถึง 1 เท่าตัว ทำให้การคืนทุนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยในส่วนของ NEPS มี แอปพลิเคชันจากอินเวอร์เตอร์ SolarEdge ที่สามารถมอนิเตอร์การผลิตไฟได้แบบเรียลไทม์ และติดตามตัวเลขต่างๆ ได้ อย่างเช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้าและจำนวนค่าไฟที่ลดลง เป็นต้น NEPS มองว่าการเข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่มธุรกิจโรงเรียนนับโอกาสสำคัญในการร่วมสร้างโรงเรียนสีเขียวให้กับประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการขยายพอร์ตลูกค้าและสร้างการเติบโตให้กับ NEPS ไปพร้อมกันอีกด้วย