เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) โดยกลุ่มบริหารเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Innovation Management Group : TMA-TIMG) และมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเวทีสัมมนาออนไลน์ TechInno Forum 2020 ภายใต้หัวข้อ “Future Living : TechInno For a Better Life” เพื่อร่วมแบ่งปันความรู้และวิทยาการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรโลกให้ดีขึ้น ตอบสนองสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยั่งยืน
โดยนายฮายาโตะ ยามากูจิ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก หรือใหญ่มักจะประสบปัญหาคล้าย ๆ กันไม่กี่ด้านคือ ปัญหาในส่วนการวางแผนการผลิต การประกันคุณภาพ การบำรุงรักษาเครื่องจักร และการขับเคลื่อนการผลิตสู่ระบบดิจิทัล ศูนย์ลูมาดา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Lumada Center Southeast Asia) ซึ่งเป็นศูนย์บริการโซลูชันด้าน IoT จึงสร้างระบบดิจิทัลและสนับสนุนการเชื่อมโยงข้ามภาคส่วนในภาคการผลิต ระบบโลจิสติกส์ และความปลอดภัย เพื่อช่วยพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีระดับสูง เป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะ แต่เป็นการพัฒนาสังคมโดยรวมทั้งหมด บรรดาเทคโนโลยี โซลูชัน และแนวคิดต่าง ๆ สามารถนำไปปรับใช้กับภาคส่วนอื่น ๆ นอกจากภาคการผลิตได้
ด้านนายนิธิ ภัทรโชค President, SCG Cement-Building Materials Business กล่าวว่า เราอาจมองภาพชีวิตอนาคตผ่านเลนส์ของ Smart City Index ที่สถาบันระดับโลกอย่าง IMD ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้สำรวจ โดยให้ความสำคัญกับ 5 มิติ คือ Health & Safety เรื่องสุขอนามัย คุณภาพอากาศ การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข และที่อยู่อาศัย Mobility ระบบขนส่งมวลชนและสภาพการจราจร Activities สัดส่วนพื้นที่สีเขียวและกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมเพื่อการพักผ่อน Opportunity โอกาสการเข้าถึงการศึกษาและงาน และความเท่าเทียมของคนกลุ่มน้อย และ Governance การบริหารจัดการที่มีโปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วมและการปลอดคอร์รัปชั่น ซึ่งผลการจัดอันดับกรุงเทพฯ อยู่ในลำดับที่ 71 จาก 109 เมืองทั่วโลก
“เพื่อตอบโจทย์ให้เกิด Future Living ที่พึงปรารถนา จะต้องพัฒนาสามสิ่งไปพร้อม ๆ กัน คือ เราต้องสร้าง Hardware ให้พร้อมซึ่งคือถนนหนทาง สะพาน รถไฟฟ้า บ้านเรือน โครงข่ายการสื่อสาร Software โปรแกรม แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่เข้ามาจะช่วยให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบายขึ้น ซึ่งสองสิ่งนี้เรียกรวมกันว่าเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งควรนำมาใช้ให้เต็มศักยภาพ โดยปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพบ้านเมืองของเรา รู้ว่าที่นำมาใช้เพื่อแก้จุดอ่อนหรือเสริมจุดแข็งอะไร และสุดท้ายสำคัญมาก คือ Peopleware หรือคน เราได้เตรียมสร้างคนที่มีทักษะสำหรับอนาคตไว้หรือยัง และได้ปลูกฝังพฤติกรรม จิตสำนึกในการดูแลโลกและสังคมไหม และสุดท้ายทั้งสามองค์ประกอบจะต้องทำงานร่วมกันสู่ Future Living อย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดทั้ง Reduce, Reuse และ Recycle”
ขณะที่ รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในการทำงานด้านนี้มีคำศัพท์หนึ่งเกิดขึ้นคือ Sustainovation ซึ่งเป็นการผนวกกันระหว่างคำว่า Sustainability หรือความยั่งยืน กับคำว่า Innovation หรือนวัตกรรม ซึ่งมี 3 องค์ประกอบคือ หนึ่งต้องใหม่ สองเกิดการใช้งานจริง และสามคือมีประโยชน์จริง ๆ สรุปแล้ว Sustainovation หมายถึง แนวทาง หรือเทคโนโลยีใหม่ที่นำไปใช้แล้วเกิดประโยชน์อย่างชัดเจนในการดำรงชีวิตประจำวันของผู้คน รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม สำหรับตัวอย่างของ Sustainovation เช่น ที่โครงการ The Forestias มีการนำขยะพลาสติกจากทะเลมา Upcycling คือเพิ่มมูลค่าเป็นวัสดุที่ใช้ทำขอบถนน กำแพง ทางเดินเท้าต่าง ๆ รวมถึงแปลงขยะพลาสติกจากทะเล เป็นเส้นใยเพื่อทอเป็นพรมตกแต่งเป็นต้น
ส่วนนายสุวัฒน์ มีมุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาลโดยยึดนวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อน รวมถึงให้ความสำคัญในเรื่องของพลังงานสีเขียว ทั้งโซลาร์เซลล์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ โดย บางจากฯ มองอนาคตมากกว่าธุรกิจน้ำมัน โดยปัจจุบันเริ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรในธุรกิจอาหาร ยาและเคมีภัณฑ์ รวมถึงพัฒนาเป็นคอลลาเจน ล่าสุด คือ การเปิดตัวธุรกิจสตาร์ทอัพ“Winnonie” (วิน No หนี้) โดยนำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะเช่าเพื่อลดภาระต้นทุนรถ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 10 เท่า พร้อมการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนหมุนเวียนใช้ เป็นรายแรกในประเทศไทย โดยสามารถนำแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนได้ที่ตู้สำหรับแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยปัจจุบันนำร่องให้บริการแล้วประมาณ 10 คัน โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30 คันภายในสิ้นปี 2563 ก่อนขยายเป็น 200 คันในปี 2564
ทั้งนี้ภายในงานสัมมนาออนไลน์ยังจัดให้มีช่วง TechShare โดย นักเทคโนโลยีดีเด่น ประจำปี 2563 ศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ จากภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงผลงานวิจัย “นวัตกรรมชุดทดสอบสำเร็จรูปแบบเร็ว เพื่อวินิจฉัยโรคติดเชื้อปรสิตเขตร้อนอ่านผล ณ จุดทดสอบ ด้วยเทคนิคอิมมิวโนโครมาโตกราฟี” ว่า เกิดขึ้นจากความต้องการของแพทย์ที่ต้องการชุดทดสอบมาใช้ในการวินิจฉัยโรคติดเชื้อ 8 โรค ได้แก่ โรคพยาธิแคปปิลาเรีย โรคพยาธิเส้นด้าย โรคพยาธิตัวจี๊ด โรคพยาธิปอดหนู โรคทริคิโนซิส โรคพยาธิใบไม้ปอด โรคพยาธิใบไม้ตับวัวควาย และโรคพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งยากแก่การระบุโรคเมื่อแรกเป็น
“ชุดทดสอบแบบรวดเร็วฯ ทั้ง 8 โรค มีส่วนช่วยแก้ปัญหาการมีผู้ติดเชื้อและเสี่ยงต่อการติดเชื้อปรสิตทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านคน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศภูมิภาคลุ่มน้ำโขงซึ่งมีประชากรรวมประมาณ 326 ล้านคน ซึ่งการระบุโรคได้ตั้งแต่ต้นจะช่วยให้รักษาผู้ป่วยให้หายได้ แทนที่จะเสียชีวิตเมื่อมาระบุโรคได้เมื่ออาการหนักแล้ว”
และดร.อภิชาติ อินทรพาณิชย์ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. กล่าวถึงงานวิจัยเรื่อง “KidBright : บอร์ดส่งเสริมการเรียนโค้ดดิ้งและสะเต็ม” ว่าสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยต้องการขับเคลื่อนสู่ Digital Economy อุปกรณ์นี้ช่วยให้นักเรียนได้หัดสร้างนวัตกรรม โดยก้าวข้ามความยากของการเขียนโค้ดแบบเดิมที่ต้องจดจำคำสั่งและไวยากรณ์ของภาษาคอมพิวเตอร์ให้แม่นยำก่อนจึงจะสร้างชุดคำสั่งได้ แต่สำหรับบอร์ด KidBright มีวิธีการสร้างชุดคำสั่ง แบบบล็อก ทำได้ง่ายเพียงลากบล็อกคำสั่งมาเรียงต่อกัน จึงเหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่เริ่มต้นเรียนรู้ เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เน้นการคิดสร้างสรรค์และทักษะการแก้ปัญหาเชิงระบบ สิ่งประดิษฐ์จาก KidBright ฝีมือนักเรียนมากมาย อาทิ หุ่นยนต์ทำความสะอาด เครื่องแยกโลหะออกจากขยะ รวมถึงกริ่งประตูกับเพลงโปรด ซึ่งเป็นผลงานของนักเรียนชั้นประถมศึกษา อายุเพียง 10 ขวบ เท่านั้น