วว.จับมือพันธมิตรพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในจังหวัดมหาสารคาม

News Update

วว. ผนึกกำลังพันธมิตรจังหวัดมหาสารคาม มุ่งยกระดับการย้อมเส้นด้ายจากผงสีธรรมชาติ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก  ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น

นายเกียรติศักดิ์  ตรงศิริ  ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม  ศ.(วิจัย)ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.) รศ. ดร.ประยุกต์   ศรีวิไล  อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม   นายชูชาติ  ราชจันทร์   วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม    นายพงษ์ศักดิ์   คณะมะ  พัฒนาการจังหวัดมหาสารคาม  และ รศ.ดร.น้ำฝน   ไล่สัตรูไกล  นายกสมาคมเพื่อการพัฒนาศิลปะและหัตถศิลป์ไทย  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการยกระดับการย้อมเส้นด้ายจากผงสีธรรมชาติ”  เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม  พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก   ถ่ายทอดองค์ความรู้  นวัตกรรม  การพัฒนาผลิตภัณฑ์การย้อมเส้นด้ายและผ้าด้วยผงสีธรรมชาติ  ให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น  ทำให้เกิดคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมกับอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น   ส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น  ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน  รวมทั้งสร้างองค์ความรู้  สร้างรายได้  โอกาสนี้ ดร.ประทีป  วงศ์บัณฑิต  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน วว. พร้อมผู้บริหาร บุคลากร หน่วยงานพันธมิตรร่วมเป็นเกียรติ  ในวันที่  11  สิงหาคม  2565  ณ ห้องประชุมชั้น 4 กระทรวง อว.  (ผ่านโปรแกรม ZOOM)

นายเกียรติศักดิ์  ตรงศิริ   ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม  กล่าวว่า  การพัฒนาจังหวัดมหาสารคามมุ่งส่งเสริมและพัฒนาการผลิตภาคการเกษตรเพื่อสร้างรายได้กับเกษตรกร  ส่งเสริมการนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า บริการการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์  เพิ่มศักยภาพด้านการค้าการลงทุน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ  พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สู่สังคมมีสุข ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของหน่วยงานพันธมิตรจะร่วมทำให้การพัฒนายกระดับการย้อมด้ายจากผงสีธรรมชาติสำเร็จเป็นรูปธรรม สร้างงาน สร้างอาชีพจากพืชอัตลักษณ์ท้องถิ่นด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

ศ.(วิจัย)ดร.ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ  วว.  กล่าวว่า  ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว วว. ได้เริ่มต้นกิจกรรมการทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และสมาคมเพื่อการพัฒนาศิลปะและหัตถศิลป์ไทย ในการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ทุนทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างเครือข่ายช่างทอให้เกิดเป็นชุมชนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม  โดย วว. ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสกัดผงสีจากต้นไม้ในพื้นที่ อาทิเช่น  แก่นฝาง  เปลือกไม้ประดู่ และเปลือกไม้ถ่อน  เพื่อให้ได้เฉดสีต้นแบบ และสีอัตลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม  โดยการเตรียมผงสีจากธรรมชาติ ช่วยให้การย้อมผ้าสีธรรมชาติสามารถทำได้ง่าย เทียบเท่าสีเคมี อีกทั้งยังช่วยในการควบคุมคุณภาพของผ้าย้อมให้ได้เฉดสีตามที่ต้องการ  ทั้งนี้ วว. ได้เข้าร่วมอบรมการย้อมผ้าด้วยผงสีจากธรรมชาติ ให้กลุ่มทอผ้าและผ้ามัดย้อมในงาน“นวัตกรรมสร้างสรรค์ มหาสารคราฟท์” ซึ่งจัดที่พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“ วว. มีศักยภาพและความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร องค์ความรู้ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนผลงานและประสบการณ์ในด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.)  ยึดมั่นและให้ความสำคัญกับการนำ วทน. เป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญเพื่อการพัฒนาประเทศ  มุ่งดำเนินงานสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ  สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร (Total Solution) พัฒนาวิสาหกิจในทุกระดับทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ (Area  Based)  ในการดำเนินงาน วว. ประสบผลสำเร็จในการร่วมขับเคลื่อนนโยบาย BCG ผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ภาคเกษตรและชุมชน ดำเนินงานสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ”  

ศ.(วิจัย)ดร.ชุติมา  กล่าวย้ำว่า การลงนามความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นการเริ่มต้นการทำงานแบบบูรณาการ ระหว่าง วว. และหน่วยงานในจังหวัดมหาสารคาม เพื่อขับเคลื่อนการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการจากทรัพยากรที่มีความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดมหาสารคาม เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างคุ้มค่าและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งร่วมกันหาแนวทางในการใช้ประโยชน์เพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุดและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป