อว.เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ระยะที่ 4 พ.ศ. 2566 – 2570 ตั้งเป้าส่งมอบระบบมาตรวิทยาที่รองรับการก้าวไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสมดุล พร้อมผลักดัน “Made in Thailand” ให้เป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพและความสร้างสรรค์ เตรียมเสนอ ครม.พิจารณา
ศ.(พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยภายหลังคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้เสนอ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ระยะที่ 4 พ.ศ. 2566 – 2570 สู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ว่า การพิจารณาของคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี จึงต้องเข้มข้นและใช้เวลา ซึ่งที่ผ่านมาแม้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่างตั้งแต่ต้น แต่ระบบมาตรวิทยามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศในหลายด้าน ไม่ใช่แค่ในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แต่จำเป็นให้ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านต่าง ๆ มาร่วมให้ความเห็นทำให้ใช้เวลาเพิ่มขึ้น
“แผนพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ระยะที่ 4 เป็นแผนเปลี่ยนผ่าน เพราะเราอยู่ในช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันในแทบทุกด้าน ทั้งการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคงและเทคโนโลยี ประเทศไทยจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าเราจะทำอะไร เราจะไปทางไหน โดยใช้จุดแข็งของเราให้เป็น ให้ฉลาด แล้วต่อยอดขึ้นไป โดยการเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยี จะเห็นได้ชัดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและในวงกว้างแน่ คือ เทคโนโลยีดิจิทัล (digital technology) เทคโนโลยีควอนตัม (quantum technology) และชีววิทยาสังเคราะห์ (synthetic biology) ประเทศไทยจึงต้องเร่งวางรากฐานเพื่อให้เราเข้าไปสู่ยุคสมัยที่เทคโนโลยีเหล่านี้ สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจ เราสามารถใช้และสร้างเทคโนโลยีเหล่านี้ในแบบของเราในคุณภาพที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล ไม่ให้ใครเอาเปรียบเราได้ ผมจึงอยากเห็นแผนปฏิบัติการในแต่ละด้านที่มีรายละเอียดและมีไม้เด็ด คือเด็ดพอที่จะทำให้เกิดการก้าวกระโดดในแต่ละเรื่องอย่างชัดเจน เช่น ในด้านการวิจัย เราจะมีไม้เด็ดอะไร ที่จะทำให้เราสามารถขยับการวิจัยของเราให้เข้าใกล้การวิจัยในประเทศชั้นนำได้”
รมว.อว.กล่าวว่า จุดแข็งที่ชัดเจนประการหนึ่งของสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติคือมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับสถาบันมาตรวิทยาชั้นนำของโลก เราจะพัฒนาและใช้ประโยชน์จุดแข็งนี้อย่างไร เพื่อสนับสนุนการยกระดับระบบมาตรวิทยาในอาเซียนให้เพียงพอที่จะผลักดันให้อาเซียนเป็นประชาคมเศรษฐกิจที่แอ็คทีฟ ที่ประเทศสมาชิกทุกประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด
“ระบบมาตรวิทยานั้นสำคัญมาก แต่มีคนไม่มากนักที่รู้ว่ามันคืออะไร ทำงานอย่างไร จึงได้มอบหมายให้สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เอาเนื้อหาสาระของแผนฉบับนี้มาทำเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่คนทั่วไปพอจะอ่านเข้าใจได้ง่าย จะได้เรียนรู้ร่วมกันว่าระบบมาตรวิทยาได้ทำอะไรมาบ้างเพื่อให้การดำเนินชีวิตของเราในทุกวันเป็นไปอย่างปกติ และภายในปี 2570 ระบบมาตรวิทยาของประเทศจะเข้มแข็งกว่าวันนี้ได้อย่างไร”
อย่างไรก็ดี อว.ตั้งเป้าส่งมอบระบบมาตรวิทยาที่รองรับการก้าวไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสมดุล ทั้งการยกระดับความสามารถในการแข่งขันและความสร้างสรรค์ของภาคเศรษฐกิจ การก้าวไปสู่การวิจัยขั้นแนวหน้าเพื่อการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงที่มีเอกลักษณ์ พร้อมผลักดัน “Made in Thailand” ให้เป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพและความสร้างสรรค์
สำหรับสาระสำคัญของแผนฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 4 เป้าหมายหลัก และ 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1.มีความสามารถทางการวัดที่ตอบสนองต่ออุตสาหกรรมใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต เศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และคุณภาพชีวิตของประชากร 2.โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (NQI) เป็นระบบและมีสมรรถนะ สามารถรองรับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีได้จริง 3.ระบบมาตรวิทยาแห่งชาติเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคง มีกระบวนการทางมาตรวิทยาและบริการทางมาตรวิทยาที่รองรับกระบวนการผลิตและการประกอบธุรกรรมยุคดิจิทัล 4.ระบบมาตรวิทยาแห่งชาติและสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติมีความเป็นเลิศเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการยอมรับในบทบาทและความสำคัญ
ส่วน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1.ยกระดับความสามารถทางการวัดเพื่อรองรับเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 2.บูรณาการระบบมาตรวิทยาแห่งชาติร่วมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน 3.พัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติให้พร้อมต่อการบูรณาการร่วมกับองค์ประกอบอื่นของโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ 4.พัฒนาระบบมาตรวิทยาดิจิทัลเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่เทคโนโลยีและนวัตกรรมอนาคต 5.พัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติให้มีความเป็นเลิศเป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ และได้รับการยอมรับในบทบาทและความสำคัญจากสังคมไทย ซึ่งเป้าหมายและยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้ จะนำไปสู่ระบบมาตรวิทยาแห่งชาติที่เข้มแข็ง นำไปสู่การยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยต่อไป