เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ครั้งที่ 3/2565 พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการด้านต่างๆ ได้แก่ ความคืบหน้ามาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยปัจจุบันมียอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขอรับสิทธิตามมาตรการฯ รวมทั้งสิ้น 17,068 คัน รวมถึงรับทราบแนวทางการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 30@30 พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะจำนวนทั้งสิ้น 2,572 หัวจ่าย จาก 869 สถานี และจะเร่งผลักดันเพิ่มจำนวนสถานีกระจายไปยังทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อีกทั้งเตรียมส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะ โดยเริ่มนำร่องจากรถตุ๊กตุ๊ก EV ซึ่งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแนวทางการสนับสนุน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์การติดตั้งสถานีชาร์จ EV ในคอนโดมิเนียมหรือที่พักอาศัยให้ประชาชนได้รับทราบ โดยการประชุมบอร์ด EV ในครั้งนี้ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้
(1) การจัดทำแพลตฟอร์มกลางสำหรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงเครือข่ายแอพพลิเคชั่นการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้าแต่ละรายแบบ Real-Time เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเห็นข้อมูลบนทุกๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว และในอนาคตผู้ใช้บริการจะสามารถสั่งชาร์จและจ่ายเงินระหว่างกันได้จากทุกแพลตฟอร์ม
(2) การกำหนดแนวทางการขอมิเตอร์ตัวที่สองสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าด้วยอัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นควรให้เลือกรูปแบบการติดตั้งมิเตอร์เครื่องเดียว หรือ มิเตอร์เครื่องที่สอง เพื่อเป็นทางเลือกในการพิจารณาติดตั้งใหม่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ใช้ไฟให้เกิดความเป็นธรรม และไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้ไฟโดยรวมสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยรวมถึงกิจการขนาดเล็ก
(3) การกำหนดอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Low Priority โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้กำหนดอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Public EV Charger) ในอัตรา 2.9162 บาทต่อหน่วย เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ทั้งนี้ อยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอการปรับอัตราค่าไฟฟ้าใหม่เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป
(4) การขออนุญาตประกอบกิจการพลังงานให้กับผู้ประกอบการสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยได้กำหนดปรับปรุงการจดแจ้งยกเว้นกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อลดระยะเวลาลง ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน อยู่ระหว่างดำเนินการออกประกาศเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับทราบขั้นตอนที่ชัดเจนต่อไป
(5) การจัดทำมาตรฐานชิ้นส่วนของยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนที่จำเป็นต่อการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าที่ดำเนินการโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งได้จัดทำมาตรฐานแล้วเสร็จ 123 เรื่อง เช่น แบตเตอรี่ เต้าเสียบ – เต้ารับ มอเตอร์ และอินเวอร์เตอร์ เป็นต้น
(6) แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศซึ่งในที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะและแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิตนำไปพิจารณามาตรการส่งเสริมและสนับสนุนเสนอคณะกรรมการพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในมาตรการต่างๆ เร่งกระตุ้นและประชาสัมพันธ์ในรายละเอียดการสนับสนุนมาตรการแก่ประชาชนภายในเดือนตุลาคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประชาชนในอนาคต