สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ชูตัวอย่างความสำเร็จในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับภาคอุตสาหกรรมได้แก่ “มามาคาระ” ผลิตภัณฑ์โลชั่นเสริมเกราะปกป้องผิวสำหรับลูกน้อย และ “ข้าวป๊อปมีเบิ้ล” ธัชพืชกินง่ายให้ใยอาหารสูง พร้อมยกนวัตกรรมทางการแพทย์ตัวอย่างผลงานช่วยเหลือสังคมจากองค์ความรู้ของสถาบันฯ
นครราชสีมา – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนจัดกิจกรรมซินโครตรอน เทคโนโลยีแสงขั้นสูง มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมครั้งที่ 14 (SATI14) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 โดย รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้เป็นประธานเปิดงาน พร้อมให้นโยบายการให้บริการของสถาบันแก่ภาคเอกชน ซึ่งกิจกรรมนี้มีตัวแทนจากภาคเอกชน บริษัทชั้นนำ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าร่วมในรูปแบบออนไลน์กว่า 100 ราย
ภายในงานได้ยังได้นำเสนอความสำเร็จในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มามาคาระ โลชั่นเสริมเกราะปกป้องผิว ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาโดย บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด และข้าวป๊อปมีเบิ้ล ธัชพืชกินง่ายให้ใยอาหารสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท เจริญอุตสาหกรรม จํากัด (มหาชน) ที่ใช้แสงซินโครตรอน วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อประเมินอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ และสู่การต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้สูตรอาหารที่มีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรับมือโควิด-19 ซึ่งเป็นตัวอย่างผลงานในการช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤต และนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ยังได้แนะนำการประยุกต์ใช้แสงซินโครตรอนในงานด้านอาหารและเกษตร และงานด้านวัสดุและพลังงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนำชมสถาบันในรูปแบบเสมือนจริงผ่านการถ่ายทอดทางออนไลน์ด้วย