ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal Group) และมิโครฟีต์ (Microphyt) บริษัทด้านไบโอเทคจากฝรั่งเศส ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน โดยกองทุนบีโอแอลดี (BOLD ) ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนของลอรีอัล เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยในมิโครฟีต์
การเป็นพันธมิตรครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์เพิ่มเติมที่ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ด้านการวิจัยและนวัตกรรมของลอรีอัล ซึ่งมุ่งไปสู่วิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Science) และการลงทุนของลอรีอัลในนวัตกรรมของสตาร์ทอัพด้านไบโอเทคในฝรั่งเศสและทั่วโลก แผนกลยุทธ์เชิงรุกนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี พ.ศ.2573 ของลอรีอัล ซึ่งรวมถึงเป้าหมายที่จะทำให้ส่วนผสม 95% มาจากแหล่งชีวภาพ ซึ่งได้มาจากแร่ธาตุจำนวนมาก หรือมาจากกระบวนการที่สามารถหมุนเวียนได้
มิโครฟีต์ ได้ปฏิวัติการพัฒนากระบวนการเพื่อผลิตสาหร่ายขนาดเล็ก ที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านคาร์บอนในระดับต่ำ โดยสาหร่ายขนาดเล็กนี้เป็นสิ่งมีชีวิตในพืชที่มีขนาดจิ๋วซึ่งใช้ในเครื่องสำอางและอื่น ๆ เพื่อทำให้เกิดคุณสมบัติที่ใช้ในการออกฤทธิ์ และคุณภาพในเชิงการทำหน้าที่ ด้วยกระบวนการที่ผ่านการจดสิทธิบัตรแล้ว และการควบคุมตัวกระตุ้นจากธรรมชาติ (เช่น แสง, เกลือ, สารอาหาร, การแปรผันของอุณหภูมิ เป็นต้น) มิโครฟีต์จึงเป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถผลิตสาหร่ายขนาดเล็กหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดในโลกได้ในปริมาณมหาศาล และในรูปแบบที่มีการควบคุม มิโครฟีต์มีแพลตฟอร์มที่ครบวงจรในการเปลี่ยนแปลงสาหร่ายขนาดเล็ก และพัฒนาส่วนประกอบทางธรรมชาติ และส่วนประกอบแบบหมุนเวียนที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของลอรีอัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ลอรีอัล และมิโครฟีต์ จะสร้างแพลตฟอร์มทางด้านเทคโนโลยี และรวมทรัพยากรด้านวัสดุ ตลอดจนทรัพยากรมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อที่จะผลิตวัตถุดิบจากชีวมวลสาหร่ายขนาดเล็ก ทั้งสองบริษัทต่างก็มีความปรารถนาที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวเพื่อการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ ด้านเครื่องสำอาง
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการเป็นพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์เชิงกลยุทธ์กับหลายหน่วยงานของลอรีอัล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับความงามที่ลอรีอัลกำลังบุกเบิกอยู่ ซึ่งรวมถึงเวริลี (VERILY) บริษัทขนาดใหญ่ด้านการรักษาแบบแม่นยำ สถาบันวิทยาศาสตร์วัสดุแห่งชาติ (NIMS) ในญี่ปุ่น ศูนย์วิศวกรรมชีววิทยาสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ (SCELSE) หรือห้องปฏิบัติการเคมีอินทรีย์พอลีเมอร์ (LCPO) ในบอร์โดซ์
“ความปรารถนาของเราคือร่วมมือกับองค์กรด้านวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากที่สุดในวงการวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ไปเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบออกมาเป็นจำนวนมาก และทำให้นวัตกรรมเหล่านั้นสามารถเข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือเป็นพันธมิตรครั้งใหม่กับมิโครฟีต์ ซึ่งจะทำให้เราสามารถเร่งการขับเคลื่อนของเราให้เร็วขึ้นสู่ความงามที่ยั่งยืน ด้วยโซลูชั่นทางธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครที่ได้มาจากสาหร่ายขนาดเล็ก” บาร์บารา ลาเวอร์นอส (Barbara Lavernos) รองซีอีโอฝ่ายวิจัย, นวัตกรรม และเทคโนโลยี ลอรีอัล กรุ๊ป อธิบาย
สำหรับมิโครฟีต์ การเป็นพันธมิตรกับลอรีอัลถือเป็นการสนับสนุนแผนโรดแมพเชิงกลยุทธ์ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่บริษัทได้ประสบความสำเร็จกับการระดมทุนที่มากที่สุดครั้งหนึ่งในวงการนี้กับบีพิฟรองซ์ (Bpifrance) ในปี พ.ศ.2562 ผ่านกองทุนเอสพีไอ (SPI fund) และจากโซฟินโนวา พาร์ทเนอร์ส (Sofinnova Partners) มิโครฟีต์ได้เร่งการพัฒนา รวมถึงทำตลาดส่วนประกอบจากธรรมชาติที่ได้มาจากสาหร่ายขนาดเล็กเพื่อผลิตสารอาหาร และเครื่องสำอาง และในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มิโครฟีต์ได้เปิดตัวส่วนประกอบที่มีสารออกฤทธิ์ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ 3 รายการในเครื่องสำอาง รวมทั้งได้เริ่มนำส่วนประกอบที่ได้จดสิทธิบัตรแล้ว 2 รายการที่อยู่ในสารอาหารเข้าสู่ในตลาดอาหารเสริมในอเมริกา
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับการเป็นพันธมิตรกับลอรีอัลครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของมิโครฟีต์ที่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากเข้าถึงโซลูชั่นจากธรรมชาติที่ดึงมาจากสาหร่ายขนาดเล็กให้ได้มากที่สุด” แพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีในโหมด ‘ห้องแล็บส่วนขยาย’ เป็นส่วนที่เติมเต็มกิจกรรมต่าง ๆ ของเราเองได้อย่างลงตัว ด้วยลอรีอัล แพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้เราเร่งการพัฒนาส่วนประกอบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเอื้อต่อการขยายขอบเขตกำลังการผลิตของเราด้วยเช่นกัน” วินเซนต์ ยูซาช (Vincent Usache) กรรมการผู้จัดการมิโครฟีต์ กล่าว