“ผบช.ตำรวจไซเบอร์” รับนโยบายรมต.ดีอีเอส ย้ำให้เร่งอบรมด้านเทคนิคแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินหน้าแก้ปัญหาคดีฉ้อโกงออนไลน์ รวมถึงคดีด้านเทคโนโลยีแก่ประชาชนทั่วประเทศ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ สืบเนื่องจากพบปัญหาทางคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีมีจำนวนมาก เมื่อประชาชนไปแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จำนวนเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอต่อการเร่งดำเนินการและเกิดความไม่คล่องตัว บางกรณีไม่มีเจ้าทุกข์แต่เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายปัญหาจึงไม่ถูกแก้ไข ตนจึงหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าจะต้องมีกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์เพื่อเข้ามาช่วยประชาชนที่มีความเดือดร้อนในคดีทางเทคโนโลยี ที่นับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้นหลายเท่าตัว เพื่อนำเสนอขอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนสามารถจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือที่เรียกว่า กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ขึ้นในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกนี้ กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ จะต้องเร่งคัดเลือกบรรจุบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านไอทีให้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ใน 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร ระดับผู้เชี่ยวชาญ และระดับปฏิบัติการ เพื่อสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับวางแนวทางขั้นตอนการทำงานของตำรวจไซเบอร์ที่ประจำแต่ละพื้นที่ให้ปฏิบัติงาน เช่น วิธีการรับแจ้งความทางออนไลน์ การเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ สอท.ต้องประสานการทำงานกับตำรวจปอท. ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ปท.) กระทรวงดีอีเอส เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นเอกภาพ เช่น การลงพื้นที่จับกุมเว็บพนันออนไลน์ จำเป็นต้องเชื่อมโยงการทำงาน เบื้องต้น กองบัญชาการฯ ต้องให้ความสำคัญและเร่งทำคือ เรื่องการโพสต์ข้อความไม่เหมาะสม, การจัดการด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ จากตัวอย่างที่เกิดกับโรงพยาบาลสระบุรี และการประกาศแฮกเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกิดขึ้น,การติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดที่ประชาชนผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งความเข้ามา รวมถึงการขอออกหมายศาล หมายค้น หมายจับต่าง ๆ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ต้องเน้นการบริการรับแจ้งความช่วยเหลือความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ทั่วประเทศ ช่วยกันแก้ปัญหาภัยด้านเทคโนโลยี เช่น การฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนในการซื้อของออนไลน์ รวมถึงการจัดให้มีเครื่องสแกนกล่องพัสดุที่ถูกส่ง ทั้งในและจากต่างประเทศเพื่อป้องกันการส่งของที่ผิดกฎหมายเช่น อาวุธเถื่อน ยาเสพติด เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และการเก็บภาษีแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศเพื่อนำภาษีมาพัฒนาประเทศในอนาคตซึ่งต้องหารือร่วมกับกรมสรรพากร ในลำดับต่อไป
ด้านพลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) (กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกนาย พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งในช่วงเดือนก.พ.-เม.ย.2564 จะมีการแต่งตั้งและโอนย้ายมาช่วยราชการได้เบื้องต้นกว่า 1,000 นาย และเร่งดำเนินการอบรมความรู้ด้านเทคโนโลยีให้เกิดความชำนาญ โดยทางผบ.ตร.ได้มอบนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการดูและประชาชนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการรับแจ้งเหตุ แจ้งความผ่าน application บนมือถือด้วยวิธี Video Call ได้ แจ้งรายชื่อ ร้อยเวรได้ เพื่อลดปัญหาเรื่องไม่เข้าใจในการเก็บข้อมูล ซึ่งเรื่องใดที่เกี่ยวกับไซเบอร์ ทาง สอท. ดำเนินการเอง ส่วนเรื่องทั่วไปให้ท้องที่ดำเนินการ โดยให้สอท. ช่วยเหลือ เป็นการทำงานควบคู่กันไปนำไปสู่ประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป