“ชุดตรวจไฮบริดชัวร์” ผลงานนักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ คว้ารางวัลผลงานที่น่าลงทุนที่สุดประจำปี 2563 จากการโหวตของนักลงทุนและประชาชนที่สนใจผ่านระบบออนไลน์ในงาน Thailand Tech Show 2020
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 ภายในงาน Thailand Tech Show 2020 ที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วิถีชีวิตใหม่ นวัตกรรม เพื่อการลงทุน ” บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านช่องทาง www.nstda.or.th/thailandtechshow/2020 ในงานได้มีเวทีการนำเสนอผลงานวิจัยเด่นที่น่าลงทุน (Investment Pitching) ซึ่งในปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 10 ผลงานจาก สวทช. และพันธมิตร โดยรางวัลผลงานที่น่าลงทุนที่สุดประจำปี 2563 จากการโหวตของนักลงทุนและประชาชนที่สนใจผ่านระบบออนไลน์ คือ “ชุดตรวจไฮบริดชัวร์ (HybridSure)” เทคโนโลยีที่ช่วยตรวจสอบความบริสุทธิ์เมล็ดพันธุ์ลูกผสมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ของ ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. และยังคว้ารางวัลผลงานที่นำเสนอดีที่สุดอีก 1 รางวัล
ดร.วิรัลดา ภูตะคาม นักวิจัยศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช. เปิดเผยภายหลังได้รับรางวัลผลงานที่น่าลงทุนที่สุดประจำปี 2563 ว่า งานวิจัยนี้เป็นผลงานที่มีโอกาสทางธุรกิจและการตลาด เพราะ สวทช. เป็นหน่วยงานวิจัยระดับประเทศและเป็นหน่วยงานที่เปิดให้ทั้งนักลงทุนและประชาชนที่สนใจสินค้านวัตกรรม มาร่วมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและต่อยอดผลงานสู่เชิงพาณิชย์ จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน ร่วมงานผ่านระบบออนไลน์ ช่องทาง www.nstda.or.th/thailandtechshow/2020 ซึ่งจะทำให้เห็นโอกาสในการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอีกมาก
ทั้งนี้ชุดตรวจไฮบริดชัวร์ ทีมวิจัยได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการค้นหา “เครื่องหมายโมเลกุล (Molecular marker)” ที่สามารถแยกความเป็นเอกลักษณ์ระหว่างสายพันธุ์ และนำมาใช้ในการยืนยันตรวจความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมได้ หรือเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายคือการตรวจพ่อเด็กในเมล็ดพันธุ์ ซึ่งใช้ตรวจเมล็ดพันธุ์ลูกผสมได้ทั้งในพืชผักสวนครัว ผลไม้ และดอกไม้
“การตรวจความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อยืนยันได้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้นั้นมีคุณลักษณะที่ดีตรงตามพ่อแม่พันธุ์ เช่น เราต้องการผลิตเมลอนสายพันธุ์ที่หวานฉ่ำและปลอดโรค ซึ่งเกิดจากการผสมระหว่างแม่พันธุ์ที่มีคุณลักษณะเด่นเรื่องรสชาติกับพ่อพันธุ์ที่ต้านทานโรค จนได้เป็น ‘เมล็ดพันธุ์สายพันธุ์ลูกผสม’ ออกมา แต่ที่สำคัญคือต้องมั่นใจว่าเป็น ‘เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์’ หมายถึงเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เกิดขึ้นจากการผสมระหว่างพ่อแม่พันธุ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่มีละอองเกสรจากพ่อพันธุ์อื่นๆ ปลิวมาผสมหรือปนเปื้อน เพราะหากเมล็ดพันธุ์เกิดจากพ่อพันธุ์ที่ไม่ต้องการ จะทำให้เมื่อนำไปปลูกอาจจะได้ผลผลิตที่ไม่สมบูรณ์หรือมีลักษณะไม่พึงประสงค์ เช่น เป็นโรค ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทได้ ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมจะตรวจความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ก่อนนำมาใส่บรรจุภัณฑ์เพื่อจำหน่าย โดยใช้วิธี ‘grow out test’ คือสุ่มเมล็ดพันธุ์ลูกผสมจำนวนหนึ่งที่ผลิตได้หว่านลงในแปลงปลูก และรอให้ผลผลิตเติบโต 6-12 เดือน เพื่อตรวจสอบว่าผลผลิตที่ได้มีคุณลักษณะที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งข้อเสียของวิธีนี้คือใช้เวลานาน ต้องจ้างแรงงานจำนวนมาก และผลที่ได้ไม่แม่นยำเท่าที่ควร”
ดร.วิรัลดา กล่าวว่า ชุดตรวจไฮบริดชัวร์ที่พัฒนาขึ้นสามารถตรวจความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ลูกผสมได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมมาก โดยระยะเวลาในการตรวจประเมินความบริสุทธิ์ตั้งแต่สกัดดีเอ็นเอไปจนถึงการวิเคราะห์ผลใช้เวลาเพียง 2 วัน และผลที่ได้มีความแม่นยำมากกว่า 99% นอกจากการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ในการตรวจสอบเครื่องหมายโมเลกุลในเมล็ดพันธุ์พืชแล้ว ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติยังมีฐานข้อมูลเครื่องหมายโมเลกุลใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้ไฮบริดชัวร์สามารถตรวจความบริสุทธิ์เมล็ดพันธุ์ลูกผสมในพืชผัก ผลไม้และดอกไม้ครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้
“สำหรับค่าใช้จ่ายของชุดตรวจไฮบริดชัวร์เฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาทต่อตัวอย่าง ซึ่งแม้จะมีราคาสูงกว่าการทดสอบด้วยวิธี grow out test แต่เมื่อเทียบต้นทุนค่าเสียโอกาสที่ต้องสูญเสียไปในระหว่างรอผลผลิตเติบโตนาน 6-12 เดือน ไฮบริดชัวร์ย่อมมีความคุ้มทุนมากกว่า นอกจากนี้แล้วการที่ไฮบริดชัวร์ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ได้รวดเร็ว ทำให้เกษตรกรผู้รับจ้างผลิตเมล็ดพันธุ์ได้รับค่าตอบแทนทันที และสามารถนำเงินไปลงทุนในการผลิตเมล็ดพันธุ์ในรอบต่อไป ทำให้ผลิตเมล็ดพันธุ์ได้เพิ่มเป็น 2 เท่า จากเดิม 2 รอบต่อปี เป็น 4 รอบต่อปี ช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างมาก ที่สำคัญผลผลิตที่เพิ่มขึ้นยังช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการส่งออกเมล็ดพันธุ์ของของประเทศไทย และท้ายที่สุดยังช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประทานผักผลไม้คุณภาพดีอีกด้วย”
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานบนออนไลน์ที่ www.nstda.or.th/thailandtechshow/2020 หรือสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 0 2564 7000