“พุทธิพงษ์” ระบุ สัปดาห์นี้ได้รายชื่อบอร์ดบริหาร NT ก่อนควบรวม “CAT-TOT” สำเร็จ 7 ม.ค.64 ย้ำมูลค่าทรัพย์สินรวมกันกว่า 3 แสนล้านบาท พร้อมเปิดบริการ 5G เป็นทางการช่วง ก.พ.-มี.ค.64
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT นั้น จะสามารถจดทะเบียนบริษัทเพื่อเป็น NT อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 7 ม.ค.2564 เพราะขั้นตอนการดำเนินการมีความคืบหน้าอย่างมากและเป็นไปตามกรอบเวลาอย่างแน่นอน โดยแบ่งระยะเวลาการดำเนินการการควบรวมหลังจากวันที่ 7 ม.ค.2564 ไปอีก 3 เฟส แบ่งเป็นเฟส 1 จะต้องมีบางหน่วยธุรกิจที่ดำเนินการร่วมกัน เช่น สายงานบัญชี ซึ่งได้มีการเอาบัญชีทั้ง 2 องค์กรมาดูร่วมกันหมดแล้ว จากนั้น เฟส 2 คือภายใน 6 เดือนต้องเริ่มนำสายงานที่ยังบริหารคู่ขนานกันในช่วงแรกมาให้เป็นสายธุรกิจเดียว และเฟส 3 คือภายใน 1ปี ทุกกลุ่มธุรกิจจะต้องดำเนินการเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์นี้ จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TOT และ CAT รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อนำเสนอรายชื่อบอร์ด NT ให้ดำเนินการแต่งตั้ง เบื้องต้นวางไว้จำนวน 5-11 คน เพื่อมาดำรงตำแหน่งและรับผิดชอบในการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งนี้ หาก สคร.และกระทรวงการคลังเห็นชอบแล้วก็จะต้องนำเสนอต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและรับทราบต่อไป
สำหรับอนาคตของ NT ต่อจากควบรวมสำเร็จแล้ว จะถือเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุด และมีมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.เสาโทรคมนาคมรวมกันกว่า 25,000 ต้นทั่วประเทศ 2.เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศ (ซับ มารีน) 9 ระบบ 14 POP เชื่อมต่อไปยังทุกทวีป 3.ถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6 ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ 4.ท่อร้อยสายใต้ดินมีระยะทางรวม 4,000 กิโลเมตร 5.สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร 6.ดาต้า เซ็นเตอร์ 13 แห่งกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และ 7.ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงได้จากทุกเลขหมายในโลก
“ตนจะผลักดันอย่างเต็มที่ ให้ NT กลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่มีศักยภาพในการให้บริการโดยเฉพาะเรื่อง 5G และดาวเทียม โดยหลังจากควบรวมเสร็จ เมื่อโครงสร้างการบริหารงานลงตัวทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าภายในเดือนก.พ.-มี.ค.2564 จะเริ่มเห็นบริการอย่างเป็นรูปธรรมจากNT ทั้งการนำเอาดิจิทัลมาให้บริการภาคการสาธารณสุข การเกษตร และคมนาคม โดย NT จะเป็นผู้รวบรวมบิ๊ก ดาต้า ผ่านเทคโนโลยี 5G ที่ทั้ง TOT และ CAT ได้ประมูลมาและเริ่มนำมาให้บริการภาคสังคม เช่น การใช้ 5G ของโรงพยาบาลศิริราช ที่มีการหารือเป็นที่เรียบน้อยแล้ว โดยจะมีการเปิดวอร์รูมแพทย์เฉพาะทางมาให้คำปรึกษาในส่วนที่เป็นการรักษาทางไกล (เทเล เมดิซีน) เช่น หากมีความจำเป็นต้องอ่านฟิลม์เอ็กซเรย์ของโรงพยาบาลต่างจังหวัดและขาดแคลนแพทย์ในด้านนี้ระบบจะส่งภาพฟิลม์มาแบบเรียลไทม์เพื่อให้ช่วยวินิจฉัยการรักษาเบื้องต้น ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยได้”
นอกจากนี้ ในส่วนของศูนย์ดิจิทัลชุมชน จะกระจายให้มากกว่านี้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยากให้กระจายทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 500 ศูนย์ ดังนั้น จึงได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจกานโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อจะทำศูนย์กิจิทัลชุมชนเพิ่มอีก 2,000 ศูนย์ เพื่อกระจายไปยังชุมชน หมู่บ้าน ให้คนในพื้นที่ รวมถึงเยาวชนได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลสร้างอาชีพได้ เช่น การใช้ทรัพยากรในชุมชนมาขายออนไลน์ ซึ่งศูนย์ดิจิทัลชุมชนของกระทรวงดิจิทัลฯ จะใช้วิธีการเช่าใช้และมีบริษัทดูแลตามสัญญา จะไม่เหมือนสมัยก่อนเมื่อเครื่องเสียก็ไม่มีคนรับผิดชอบ ก็ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป