จากการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเดิมจากการได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดประเทศ อันเป็นผลเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรามาดูกันดีกว่าว่าโมเดลธุรกิจของกลุ่มแอลจีบีทีจะแจ๋วแค่ไหน ? แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักแพลตฟอร์มดิจิทัลจากกลุ่มแอลจีบีที ลองไปรู้จักกับที่มาที่ไปกันก่อนดีกว่าค่ะ
จากการสอบถาม ศกุณภัทร มโนกนกพานิช กรรมการผู้จัดการ หจก. เอเชี่ยน พลัส ทราเวล แอนด์ เซอร์วิส เราก็ได้ใจความที่ว่า แรกเริ่มเดิมทีประกอบอาชีพมัคคุเทศก์เมื่อ 22 ปีที่แล้ว จนกระทั่งผันตัวมาประกอบธุรกิจนำเที่ยวเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี ผ่านการรับเป็นตัวแทนการจัดนำเที่ยวเข้าประเทศ หรือ Inbound Tourism ก่อนก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในภาคเหนือ จนปัจจุบันได้ขยายฐานเป็นธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศไทย โดยเน้นเป็นตัวแทนรับจัดนำเที่ยวสำหรับบริษัททัวร์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเป็นหลัก ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องหยุดการทำงานชั่วคราว ธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากว่านักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ อีกทั้งหลากหลายสายการบินต้องปิดตัวลง ดังนั้นเมื่อมีเวลาจึงได้มองหาช่องทางอื่นๆเพิ่มเติม
และด้วยบริบทของการเป็น LGBT ซึ่งหมายถึง Lesbian ,Gay ,Bisexual ,Transgender หรือที่แปลว่า กลุ่มหลากหลายทางเพศ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT ติดต่อเข้ามาจำนวนมาก แต่เนื่องจากว่าเดิมเป็นบริษัททัวร์ที่รับลูกค้าทั่วไป เขาจึงมีแต่ฝันว่าอยากจะทำ
จนกระทั่งเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฯ และได้รับการส่งเสริมจาก กสอ. ในการปรับโมเดลธุรกิจให้เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผ่านการเขียน Business Model Canvas (BMC) แผนธุรกิจใหม่จากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ พร้อมจัดทำแพลตฟอร์ม THAI LGBT CONNECT เครื่องมือเพื่อการนำเที่ยว เชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการในประเทศ ฐานข้อมูลสินค้าและบริการในทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเพศทางเลือก (LGBT) ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ รายแรกของไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องการสัมผัสเอกลักษณ์ความเป็นไทย หรือ Thainess โดยไม่จำเป็นต้องปักธงสีรุ้งในสถานที่ท่องเที่ยว แต่ให้คงเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว และต้องการการปฏิบัติที่เท่าเทียม ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก
ศกุณภัทร เล่าต่อไปว่า ทั้งนี้ข้อมูลจาก LGBT Capital บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินระดับโลก เปิดเผยว่า ประชากรทั่วโลก 7.4 พันล้านคน มี LGBT ที่เปิดเผย 483 ล้านคน อยู่ในเอเชีย 288 ล้านคน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 ที่มีจำนวนกว่า 4 ล้านคน ซึ่งรายได้ปี 62 จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท
“THAI LGBT CONNECT” จึงเป็นการปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจใหม่ของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับ “ความปกติรูปแบบใหม่” เพราะในอดีตบริษัทเน้นแต่ให้บริการนำเที่ยวแบบออฟไลน์ (B2B) และเป็นตัวแทนธุรกิจนำเที่ยวสำหรับบริษัทท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยการทำการตลาดทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป
ดังนั้น THAI LGBT CONNECT จะมาตอบโจทย์ความต้องการตรงจุดนี้ โดยสิ่งที่เขาจะได้รับคือ “มืออาชีพ” เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ และมุมมองใหม่ๆให้กับการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBT ผ่านการนำสิ่งที่มีอยู่นั่น คือ องค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจท่องเที่ยวในกลุ่มเพศทางเลือก จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ “กิจกรรมเปิดทาง-สู่ธุรกิจหลัง COVID 19” ในการค้นหาสุดยอดผู้ประกอบการ Challenge Project by DIProm ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้ มาตรการฟื้นฟูผู้ประกอบการให้ดีพร้อมทันทีใน 90 วัน แต่นั้นมา เพื่อยกระดับธุรกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
โดย THAI LGBT CONNECT คือเครื่องมือ หรือ web-platform โดยมีเว็บไซต์ www.thailgbtconnect.com รวมรวบฐานข้อมูลสินค้าและบริการในทุกรูปแบบ ประกอบด้วย 1.ข้อมูลการด้านการท่องเที่ยว 2.เว็บไซต์บริการนำเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่ ช่วงเวลาสำหรับการท่องเที่ยวได้ตามความต้องการ มีฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ เที่ยวแบบธรรมชาติ แอดเวนเจอร์ และการท่องเที่ยวแบบวัฒนธรรม และ 3.บริการด้านการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ที่จะรวบรวมสินค้าชุมชน เพื่อเป็นตลาดออนไลน์ หรือ E-Market Platform สำหรับนักท่องเที่ยว และ กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เพื่อเลือกซื้อสินค้า ในกรณีที่ยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ โดยจะเป็นสินค้าที่กลุ่ม LGBT ให้ความสนใจ อาทิ สปา ศัลยกรรม และเมื่อโครงการนี้สำเร็จ THAI LGBT CONNECT จะกลายเป็นธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเพื่อกลุ่ม LGBT รายแรกของไทย
“ส่วนอัตราค่าบริการนำเที่ยวเหมือนกับตลาดทัวร์ทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือ “ประสบการณ์” และ “การยอมรับซึ่งกันและกัน”
กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวหลักๆจะเป็นประเทศ ไต้หวัน สิงคโปร์ ส่วนยุโรปจะเป็นประเทศ อังกฤษ เดนมาร์ก หรือแม้กระทั่งอเมริกา แคนนาดา และ ออสเตรเลีย ซึ่งวางไว้ประมาณ 7-8 ประเทศ แต่ละประเทศให้ความสนใจมาเที่ยวประเทศไทยโดยเฉพาะกลุ่ม LGBT แต่จะมีการขยายให้ครอบคลุมทุกเซกเตอร์
สู่ความเท่าเทียมที่ลงตัว
สำหรับ แพลตฟอร์ม THAI LGBT CONNECT ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะใช้เวลาอีก 5 เดือนในการพัฒนา web-platform สำหรับรวบรวมฐานข้อมูลสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มหลากหลายทางเพศ ให้สามารถการดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการในช่วงเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้คาดว่าแพลตฟอร์มดังกล่าว จะสร้างรายได้ให้กับสินค้าชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้ปีละกว่า 20 ล้านบาท
“ส่วน Revenue Model จะมาจากด้านท่องเที่ยว และเมื่อไรที่มีฐานการท่องเที่ยวเยอะขึ้น จะกระจายรายได้สู่เซกเตอร์อื่นเช่นกัน เพราะเมื่อเวลานักท่องเที่ยวมาจะมีทั้งช้อป กิน ดื่ม อีกทั้งมี E-Market Platform รองรับ เพราะฉะนั้นในระยะแรกภายในสิ้นปี 63 โมเดลรายได้มองในส่วนของทัวร์ในประเทศตั้งเป้าให้ได้ 10% ก่อน ส่วนปี 64 สิ่งที่เราจะต้องทำคือ สร้างการท่องเที่ยว LGBT ให้เป็นที่รู้จัก และในระยะยาวจะมีการสร้างคอนเนคชั่นผู้ประกอบการก็จะเกิดรายรับจากส่วนอื่นๆตามมา”
สำหรับนักท่องเที่ยว แม้ปัจจุบันการท่องเที่ยวยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ แต่พบว่ายังมีความต้องการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยงานวิจัยจากสมาคมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสำหรับกลุ่ม LGBT (International Gay and Lesbian Travel Association) ทำการวิจัยเกี่ยวกับการตัดสินใจท่องเที่ยวหลังวิกฤติโควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มเพศทางเลือก มีความพร้อมและต้องการท่องเที่ยวมากถึง 66% และมีกำลังจ่ายกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 40% จากข้อมูล World Tourism Organization องค์การการท่องเที่ยวทั่วโลกเปิดเผยว่า ข้อมูลในปี 60 ระบุว่า มีบริษัทนำเที่ยวอย่างเป็นทางการสำหรับกลุ่ม LGBT ทั่วโลกประมาณ 2.2 พันบริษัท
ดังนั้นแพลตฟอร์มเพื่อการท่องเที่ยวสำหรับเพศทางเลือกก็เป็นหนึ่งในธุรกิจสำคัญเช่นกัน ผ่านการรวมฐานข้อมูลโรงแรม ร้านอาหาร พร้อมดึงสินค้าชุมชนขายออนไลน์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พร้อมรับมือกับทิศทางการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในปี 64 หลังจากมีการเปิดประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งโมเดลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมามีแสงสว่างอีกครั้ง
เที่ยวที่ไหน ? ก็ไม่สุขใจเท่า “ไทยเที่ยวไทย” และใช้แพลตฟอร์มที่คนไทยทำ!
