ล็อกซเล่ย์เร่งผลักดันธุรกิจเทรดดิ้ง เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำเสริมเสถียรภาพองค์กร

News Update

ล็อกซเล่ย์ เผยแผนสร้างสมดุลพอร์ทธุรกิจ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำเสริมเสถียรภาพองค์กร เร่งผลักดันธุรกิจเทรดดิ้งสร้างโอกาสจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสู่ผู้ร่วมลงทุน พร้อมต่อยอดธุรกิจอาหาร ล่าสุดขยายร้าน “วาคิว ยากินิคุ” สาขาที่ 4 ที่เอเชียทีคฯ

           นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ล็อกซเล่ย์ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจจาก “ผู้ประกอบธุรกิจที่มีความหลากหลาย พยายามตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกเรื่อง” มาเป็น “การให้ความสำคัญใน 5 กลุ่มธุรกิจหลักที่มีความชำนาญ”  ได้แก่ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งยังเป็นรายได้หลัก  ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่น ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจนี้จะดำเนินงานธุรกิจในลักษณะงานโครงการเป็นหลัก และอีก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจบริการ และธุรกิจเทรดดิ้ง ที่สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring)

           “ ภาพจำของล็อกซเล่ย์ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงด้านงานไอทีและโครงการภาครัฐ  แต่จริงๆแล้วธุรกิจดั้งเดิม เกิดมาจากการขายข้าวและส่งออกไปยังต่างประเทศ ก่อนที่จะปรับไปสู่ยุคของไอที  ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า รายได้ของล็อกซเล่ย์ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการ ซึ่งมีความไม่แน่นอน เพราะมีความเสี่ยงอันเนื่องจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ บริษัทฯ จึงมีนโยบายสร้างความมั่นคงในเรื่องรายได้ และสร้างความสมดุลของพอร์ทธุรกิจ โดยพยายามเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำให้มากขึ้น โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สายธุรกิจเทรดดิ้ง มียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีรายได้ 4,831 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา  คิดเป็นสัดส่วนถึง 38 % ของรายได้รวม 13,220 ล้านบาท  เนื่องจากเป็นการขยายธุรกิจเดิมที่มีอยู่ และสร้างธุรกิจใหม่ที่ส่งเสริมหรือเกื้อหนุนธุรกิจหลักที่ทำอยู่”

           ทั้งนี้ ในสายธุรกิจเทรดดิ้ง  มีบริษัทหลักที่สำคัญ คือ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจหลักเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยบริษัทพยายามสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการปรับบทบาทจากการเป็นตัวแทนจำหน่าย สู่การเป็นผู้ร่วมลงทุน นอกจากนี้ยังมีอีก 2 บริษัทคือ บริษัท แอล ฟู้ดโซลูชันส์ จำกัด ให้บริการด้านร้านอาหาร  และบริษัท สยามสมุทรวาริน จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบอาหารเพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง

           สำหรับบริษัท แอล ฟู้ดโซลูชันส์ จำกัด เป็นผู้ให้บริการร้านอาหารไทยฟิวชั่นส์ แบรนด์ “ตำรับกูร์” จำหน่ายเฉพาะออนไลน์ และ “ร้านวาคิว ยากินิคุ” (WaQ Yakiniku) บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 11 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้ง 3 สาขา ทั้งสาขาเอสพลานาด รัชดา  สาขาดิ เอ็กซ์เพลส กาญจนาภิเษก และ สาขาเดอะ การ์เด้น คลองเตย (ข้างอาคารล็อกซเล่ย์ คลองเตย) เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ ล่าสุด…ได้เปิดสาขาใหม่เป็นสาขาที่ 4 ที่ศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatique The Riverfront) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ชื่นชอบเมนูบุฟเฟต์ปิ้งย่างในย่านเจริญกรุงและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เริ่มกลับมา หลังจากสถานการณ์โควิดที่ค่อนข้างผ่อนคลาย  

           นายสุรช  กล่าวว่า   ปัจจุบันธุรกิจร้าน WaQ Yakiniku  ทั้ง 3 สาขาแรก มีผลประกอบการที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเลือกทำเลที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า และเน้นที่คุณภาพสินค้าในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 1 แห่ง    

           สำหรับร้านวาคิว ยากินิคุ สาขาเอเชียทีค ตั้งอยู่บริเวณข้างหอนาฬิกา หน้าโกดัง 3 ตกแต่งในสไตล์โคซี่ คุมโทนด้วยสีแนวเอิร์ทโทน ดูอบอุ่นสบายตา เข้ากับดีไซน์ร้านที่แฝงความโมเดิร์นไม่ตกยุค สามารถรองรับสาวกปิ้งย่างได้สูงสุดถึง 80 ที่นั่ง พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้อิ่มเอมไปกับวัตถุดิบคุณภาพ “สวรรค์ของคนรักเนื้อ” สามารถลิ้มลองแบบไม่อั้นในราคาที่คุ้มค่า โดยร้านเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว

           นอกจากเมนูที่มีให้เลือกหลากหลายแล้วร้าน WaQ Yakiniku ทั้ง 4 สาขายังคงส่งมอบการสั่งอาหารที่ปลอดภัยและสะดวกสบายกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยการสแกน QR Code ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อดูเมนูและเลือกอาหารจากอุปกรณ์ของตนเอง โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้อย่างสะดวกและไร้สัมผัส อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวอีกด้วย