เน็ตแอพเผยผลกระทบโควิด-19 ทำบริการพับบลิคคลาวด์ โตอย่างก้าวกระโดด แนะองค์กรเพิ่มประสิทธิภาพ เปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้เป็นข้อมูลที่ใช้ในการแข้งขันอย่างรวดเร็ว
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ กล่าวว่า ในภาพรวมเน็ตแอพ มีผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ เติบโต 3 % โดยส่วนที่เติบโตอย่างชัดเจนคือพับบลิคคลาวด์ เซอร์วิส ซึ่งมีการเติบโตถึง 200 % ทั้งนี้เน็ตแอพไม่ได้ให้บริการคลาวด์ แต่เป็นการบริหารจัดการให้ลูกค้าสามารถย้ายสิ่งต่างๆ ไปอยู่บนคลาวด์และมีประสบการณ์ในการทำงานได้เหมือนกับการทำงานในออฟฟิศ ซึ่งจากผลประกอบการของเน็ตแอพ แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของโควิด-19 ที่ไม่ได้มีในแง่ลบอย่างเดียว แต่มีในเชิงบวกด้วย โดย เป็นตัวที่ทำให้การทำดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่นที่เริ่มทำกันมาหลายปี มีความชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นเฟส 2 ของนิวนอร์มอล ซึ่งจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้เป็นนิวของนิวนอร์มอล ขณะเดียวกันมีเทรนด์ต่าง ๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไอโอทีหรือคลาวด์ ซึ่งทั้งหมดจะตอบโจทย์เรื่องเดียวก็คือการเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตไปสู่ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ สิ่งที่ตามมาคือข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งหากมองในแง่องค์กรแล้ว ทำอย่างไรถึงจะบริหารจัดการข้อมูลที่อยู่ ในรูปแบบใหม่ ๆ เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย และหากจะเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กร จำเป็นจะต้องสามารถเปลี่ยนข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นข้อมูลที่ใช้ในการแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนายกิตติ์ ชสิธภณญ์ ผู้จัดการและวิศวกรอาวุโส อาเซียน บริษัท เน็ตแอพ กล่าวว่า เน็ตแอพพร้อมช่วยองค์กรปรับตัวอย่างยืดหยุ่นในโลกไฮบริดคลาวด์ ทั้งการพัฒนาโยกย้ายและเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันทั้งในระบบคลาวด์ และในองค์กร (on-premises) ได้อย่างรวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพและบริการข้อมูลองค์กรสู่ระบบคลาวด์
โดยชุดของ Software Data Service ที่พัฒนาล่าสุด มุ่งปรับปรุงซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูล NetApp® ONTAP® ที่เชื่อมต่อบนคลาวด์ชั้นนำ และเพิ่มบริการ NetApp Keystone ™ Flex สำหรับระบบการใช้งานแบบ on-demand ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงโซลูชัน NetApp SolidFire® Enterprise SDS ใหม่ ซึ่งการอัพเดตทั้งหมดนี้ของเน็ตแอพจะช่วยให้องค์กรใช้ระบบคลาวด์ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด องค์กรจะสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัย ลดต้นทุน และขยายการจัดการข้อมูลจากในองค์กร (on premises) ไปยังระบบคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย และใช้โครงสร้างพื้นฐานบริการระบบคลาวด์แบบไฮบริดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยฟีเจอร์และความสามารถ เช่น ยกระดับขีดความสามารถ NetApp ONTAP software นำเสนอการผสานรวมที่ดีขึ้นด้วยการรวมระบบคลาวด์ที่ลึกขึ้นและความพร้อมใช้งานของข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อความเรียบง่ายประสิทธิภาพและการปกป้องแอปพลิเคชันระดับองค์กรที่สำคัญทางธุรกิจ
สำหรับการอัปเดทสำหรับสมาชิก NetApp Keystone Flex สร้างความสะดวกรวดเร็วและยืดหยุ่นไปยังศูนย์ข้อมูลที่เป็นเสมือนระบบคลาวด์ ด้วยการใช้งานแบบ “จ่ายตามการใช้งานจริง” เพื่อประสบการณ์การใช้งานบนคลาวด์แบบ on premises Keystone Flex ยังนำเสนอการรวมระบบคลาวด์สาธารณะที่มีให้ผ่านระบบอีโคซิสเต็มส์ของคู่ค้าเน็ตแอพ นอกจากนี้โซลูชันใหม่ NetApp SolidFire Enterprise SDS มอบพื้นฐานที่เรียบง่ายและเป็นอัตโนมัติสำหรับไพรเวทคลาวด์ด้วยซอฟต์แวร์ NetApp Element® เป็นหน่วยเก็บข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์แบบสแตนด์อโลนซึ่งสามารถปรับใช้กับฮาร์ดแวร์ใดก็ได้
อย่างไรก็ดีเน็ตแอพได้นำเสนอเทคโนโลยีการปรับปรุงประสิทธิภาพและบริการข้อมูลองค์กรสู่ระบบคลาวด์ ด้วยโซลูชั่นแบบไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์และสตอเรจสำหรับคอนเทนเนอร์จาก Spot by NetApp รวมถึงบริการข้อมูลและไฮบริดคลาวด์สตอเรจที่ทำงานแบบอัตโนมัติ และโซลูชั่นเวอร์ชวลเดสก์ท็อปบนระบบคลาวด์ เทคโนโลยีใหม่ของเน็ตแอพจะช่วยเพิ่มความสะดวกและปรับปรุงการจัดการระบบมัลติคลาวด์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และยังรองรับการเคลื่อนย้ายคลาวด์แอพพลิเคชั่นที่ใช้ข้อมูลจำนวนมากได้ยืดหยุ่นอย่างแท้จริง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นสถานที่ทำงานแบบครบวงจรบนสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์
สำหรับแนวคิดด้านซีเคียวริตี้ เน็ตแอพปรับใช้แนวทางที่ ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางในการรักษาความปลอดภัย ด้วยข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดสำหรับองค์กร และข้อมูลคือหัวใจสำคัญของแนวทาง Zero Trust ซึ่งทดแทนหลักการรักษาความปลอดภัยที่ว่า ‘ไว้ใจหลังจากที่ตรวจสอบยืนยัน’ โดยเปลี่ยนไปใช้กฎเหล็กที่ว่า ‘ตรวจสอบยืนยัน แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ’ ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจบริการด้านการเงิน บุคคลภายนอกหลายกรณี กลายเป็นคนใน ที่ทำงานไม่ใช่แค่ส่วนรอบนอกของเครือข่าย หรือจากภายนอก
แนวทาง Zero Trust ถือว่าการรักษาความปลอดภัยในบริเวณอาณาเขตขององค์กร (Perimeter Security) เป็นเรื่องล้าสมัย ซึ่งบริษัทที่ยึดถือแนวทาง Zero Trust รวมถึงเน็ตแอพ ยอมรับว่าส่วนควบคุมความปลอดภัยควรอยู่ใกล้กับข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้