เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กับ “ SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX ” เทคคอมมูนิตี้แห่งโลกอนาคตที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของ “สยามพารากอน” ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพมหานคร
บนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยพารากอน ผนึกกำลังกับ SCBX พร้อมพันธมิตรในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล การลงทุน และโซเชียลมีเดีย ร่วมกันรังสรรค์หรือ Co-create โซนดังกล่าวขึ้น เพื่อให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับคนทุกกลุ่มวัย มีเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนาศักยภาพและพร้อมก้าวเข้าสู่โลกแห่งอนาคต ที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และยังเป็นแนวทางของการพัฒนาสู่ความยั่งยืน
“นางธณพร ตันติยานนท์” ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ ศูนย์การค้าสยามพารากอน บอกว่า นี่คืออีกก้าวสำคัญของการทรานสฟอร์ม “สยามพารากอน” ไปสู่การกำหนดนิยามใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตในทุกมิติ หรือการก้าวสู่ “The World of Tomorrow” โดย สยามพารากอน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก มีผู้มาเยือน กว่า 50 ล้านคนต่อปี ในปีนี้ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ในการทรานสฟอร์มแลนด์มาร์คระดับโลกแห่งนี้ทั้งหมดทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และการจัดสรรโซนใหม่ ๆ ที่จะรังสรรค์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เป็นต้นแบบใหม่ครั้งแรกของโลก
อย่างเช่น “ SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX ” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย โดยเป็นพื้นที่ที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ ๆ เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ นิสิตนักศึกษาหรือคนที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ร่วมกัน
“นางสาวสิริพร หฤทัยวิญญู” ผู้บริหารสายงาน บริหารธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาเทคคอมมูนิตี้นี้ ว่า มี 2 ส่วน โดยกลยุทธ์แรกคือ การ Co-Creation & Collaboration หรือ การมีความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยสยามพารากอน ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตรชั้นนำ ใน Tech Ecosystem ทุกแขนง นำโดย SCBX และองค์กรพันธมิตรชั้นนำผู้ร่วมก่อตั้งมากกว่า 10 องค์กร พันธมิตรใน Tech Ecosystem กว่า 100 องค์กร และยังมีผู้นำความคิดและผู้เชี่ยวชาญในสายเทค กว่า 1,000 คน ทั่วโลก มาร่วมกันสร้างเทคคอมมูนิตี้แห่งนี้ขึ้น ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ แต่เน้นการให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพของดิจิทัลคอมมูนิตี้ เพื่อสร้างความยั่งยืนและการเติบโตของบุคลากรในประเทศในสายเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้พัฒนาก้าวไกลไปสู่ระดับโลก
กลยุทธ์ส่วนที่สองคือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) จึงร่วมกับ SYNNEX ผู้นำด้าน IT Ecosystem ในโครงการ “ทิ้งให้ถูกที่กับ Trusted By Synnex E-Waste” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดมลพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดภาวะโลกร้อน ด้วยการติดตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไอที ซึ่งจะถูกนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยผ่านการคัดแยกสู่กระบวนการ Recycle และ Upcycle เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด และนำไปสู่กระบวนการีไซเคิลแบบ Zero Landfill มาตรฐานสากลอีกด้วย
ด้าน “ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า SCBX ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค จึงร่วมมือกับสยามพารากอน ในการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำสิ่งใหม่ๆ ที่มีการพัฒนาในประเทศ รวมถึงสิ่งใหม่ ๆ จากต่างประเทศผ่านพันธมิตร เข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน เพื่อให้คนที่สนใจสามารถเข้ามาจับต้องได้
ทั้งนี้ SCBX ได้นำเสนอพื้นที่ AreaX บนพื้นที่ 100 ตารางเมตร โดยยึดเอาความต้องการและความสนใจของกลุ่ม Tech Talent เป็นแกนสำคัญ แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ Developer Lounge แห่งแรกของเมืองไทย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โต๊ะทำงาน Workstation ปรับระดับได้ ที่มาพร้อม Coding Monitor ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่า Developer รวมถึง Digital Nomad สามารถทำงานได้อย่างสะดวก สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานแบบ Work from Anywhere ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่แต่ออฟฟิศเสมอไป
และ Experience Zone พื้นที่แห่งการเรียนรู้ พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผ่านรูปแบบซีรีส์เวิร์กชอป ให้ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทในกลุ่ม SCBX และองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก ที่จะหมุนเวียนกันมาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์แก่ผู้ที่สนใจตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังได้นำนวัตกรรมทางการเงินต่างๆ ของบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX และเทคโนโลยีอันทันสมัยจากพันธมิตรชั้นนำมาจัดแสดงหมุนเวียนภายในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อให้คนทั่วไปได้ร่วมสัมผัสและเข้าถึงโลกเทคโนโลยีทางการเงินมากยิ่งขึ้น
สำหรับภาพรวมของการนำเสนอในพื้นที่ต่าง ๆ “นายสาลวิท สุวิพร” ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บอกว่า อยู่ภายใต้แนวคิด “Smarter Better Richer” ซึ่งจะเป็นเทคคอมมูนิตี้ฮับของเทคโนโลยีทุกแขนง ประกอบด้วย 7 ด้าน คือ
1. DEV CONNECT คอมมูนิตี้ของเหล่านักพัฒนาเทคโนโลยี ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยได้รับความร่วมมือจากเหล่าพันธมิตรชั้นนำ อาทิ SCBX ที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ Co-Working Space และ Community สำหรับ Developer ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย Microsoft สร้างคอมมูนิตี้สำหรับนักพัฒนา และถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ Google Developer Group หนึ่งในพันธมิตรที่จะช่วยสร้างคอมมูนิตี้สำหรับนักพัฒนา รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะมาร่วมสร้างคอมมูนิตี้ให้ Developer แข็งแรงยิ่งขึ้น
2. BLOCKCHAIN WEB3 & FINTECH ก้าวไปสู่ยุคใหม่ของโลกดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการ, นักลงทุน และผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีเพื่อโอกาสในโลกดิจิทัลที่ไม่มีที่สิ้นสุด โดยได้รับความร่วมมือจากเหล่าพันธมิตรระดับโลก อาทิ SCBX, Siam Sand Box by Jaymart Group พื้นที่ Showcase เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain NFTs Gadget ต่างๆ จากทั่วโลก และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง CeeStore, Bitspace by Bitcast คอมมูนิตี้สเปซและที่ให้คำปรึกษาสำหรับนักลงทุนสาย Cryptocurrency และ Web3
นอกจากนี้ยังมี สมาคมฟินเทคประเทศไทย สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับให้คำปรึกษา รวมถึงจัด Business Matching ให้กับ Start Up และนักลงทุน และ การเงินการธนาคาร ผู้จัดมหกรรมทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยอย่าง Money Expo มาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมเกี่ยวกับการเงินการลงทุน
3. NEW TECH นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเป็นเครื่องมือสู่อนาคตและสนับสนุนให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตโดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ได้แก่ JIB สาขาแรกในประเทศไทยที่เป็นมากกว่าร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที, DEPA พันธมิตรที่จะมาสร้างความแข็งแกร่งเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีต่างๆ, Tencent Thailand ที่จะช่วยสร้างความบันเทิงและเทคโนโลยีอย่างครบวงจรให้กับโซน
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรชั้นนำ อย่างเช่น Venture Bridge กองทุน CVC ให้เข้าถึงเทคโนโลยีทั่วโลก, AIS พร้อมเปิด AIS Serenade Club สำหรับสมาชิก และ Showcase ของเทคโนโลยีล้ำสมัย และยังมี robot innovation showcase โดยมหาวิทยาลัยสยาม
4. HEALTHTECH HUB นำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมการดูแลสุขภาพผ่านเทคโนโลยีและวิธีการที่ยั่งยืน เพื่อพัฒนาสุขภาพของมนุษย์ควบคู่ไปกับการดูแลปกป้องโลก นำเสนอ Looloo Technology AI และ Tele Medicine ที่ให้คำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ พร้อมสร้างคอมมูนิตี้สำหรับคนที่สนใจทางด้าน Health Tech แห่งแรกของเมืองไทย
5. GAMER’S GUILD พื้นที่ของเหล่าเกมเมอร์ และคนที่ชื่นชอบเกมได้มาแลกเปลี่ยนความชอบ เทคนิค และแพชชั่น ในเกมแนวที่ชอบ โดย JIB สาขาแรกในประเทศไทยที่มีการทำ PC Academy รวบรวมเหล่าสตรีมเมอร์จากสายเกมมิ่งชั้นนำมาแนะนำการเป็นสตรีมเมอร์ และ Playpost ที่จะมาช่วยสร้าง Game Community ด้วยประสบการณ์การสร้างคอมมูนิตี้ให้กับเกมดังๆ มากมาย
6. AI ARENA เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนในโลกออนไลน์ รวมถึงสร้างโอกาสให้ผู้คนได้แบ่งปัน ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีที่สร้างความบันเทิง อาทิ Microsoft บริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์อันดับต้นๆ ของโลก ผู้ร่วมลงทุนและพัฒนา ChatGPT, BOTNOI ผู้พัฒนาแชทบอตยอดนิยมของคนไทย, Spectre AI บริษัทพัฒนา AI และ AI คอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ในประเทศไทย, Guardian Angel AI ครั้งแรกกับ 3D Character Workshop และพูดคุยเกี่ยวกับ VTuber Industry โดยบริษัทผู้เป็นเจ้าของ Virtual Idol อันดับ 1 ของไทย Aisha Channel เชี่ยวชาญในเทคโนโลยี Motion Capture และการประยุกต์ความคิดสร้างสรรค์ให้เข้ากับสื่อสมัยใหม่
และ 7. SOCIAL CO-CREATORS เปิดโอกาสให้ โซเชียลอินฟลูเอ็นเซอร์ และผู้สนใจเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้ร่วมกัน โดย พันธมิตรระดับโลก Tiktok House of Creator ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างสรรค์สเปซขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการจัด Workshop ให้กับ Creator และผู้สนใจทั่วไปที่อยากเป็น Tiktok Creator รวมถึงการจัด Fan Meet กับ Top Tiktok Creator, The Standard O2O Exhibition เปิดพื้นที่ต้อนรับแฟนคลับ The Standard นำคอนเทนต์ที่กำลังได้รับความนิยมมาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ในรูปแบบ O2O
The Next Tech Community by Focus พื้นที่ Co-Working Space แห่งใหม่ใจกลางสยาม ซึ่งมีบริการที่แตกต่างและเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ อาทิ กระจกกันรอย Privacy, บริการ Working Pods ห้องประชุมหรือทำงานขนาดย่อม และหูฟัง ANC-Headphone Noise canceling และยังมี ONESIAM SuperApp พื้นที่ที่มอบประสบการณ์เหนือระดับสำหรับสมาชิก ONESIAM ที่เชื่อมโลกออฟไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมของพันธมิตรได้ตามความสนใจ โดยจะมีเวิร์กชอปที่น่าสนใจ มากกว่า 400 กิจกรรมตลอดทั้งปี สามารถที่จะแบ่งปันความคิดหรือร่วมกันค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ และร่วมเปิดรับโกลบอลพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกได้อีกด้วย.