ทรูคอร์ปอเรชั่นลุยทำ “Single Grid” ทั่วประเทศ เพิ่มคุณภาพเร็ว-แรง-ครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย AI ย้ำลดเสาซ้ำซ้อนสัญญาณกวน แต่ไม่ลดอุปกรณ์ส่งสัญญาณคลื่นความถี่
8 พฤศจิกายน 2566 ทรูคอร์ปอเรชั่นยืนยันคุณภาพสัญญาณมือถือ ลุยสร้างเครือข่ายที่เหนือกว่า โครงการ “Single Grid” เพื่อลูกค้ากว่า 50 ล้านราย บทพิสูจน์หลังควบรวมทรู-ดีแทคยกระดับประสบการณ์สัญญาณมือถือ 5G และ 4G เผยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การจัดการโครงข่าย ลดจุดเสาซ้ำซ้อน ย้ำไม่ลดสถานีฐาน เพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วไทย พร้อมประสานคลื่นความถี่ รวมพลังอัพเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพความพร้อมในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย
ทรู คอร์ปอเรชั่น เร่งขยายการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพสูงสุด โดยผ่าน “โรมมิ่ง” ในช่วงแรกหลังควบรวมทรูและดีแทค โดยลูกค้ากว่า 76% ได้ใช้งานในย่านความถี่ 2600 MHz และ 700 MHz ที่มีความเสถียรแม่นยำ และปัจจุบันเพิ่มแผนปูพรม “Single Grid” ทั่วไทย เพื่อลูกค้าทั้งหมดกว่า 50 ล้านหมายเลข คาดแล้วเสร็จภายในปี 2568 ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นมีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยเต็มรูปแบบ ทั้ง โมบายล์และบรอดแบรนด์ โดยปัจจุบันโครงข่าย 4G ของทรู-ดีแทค นั้นครอบคลุมประชากร 99% โดยโครงข่าย 5G ของทรู-ดีแทคตั้งเป้าขยายให้ถึง 97% ภายในปี 2568
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราเร่งเดินหน้าโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานของเราที่ผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ปรับเสาที่ซ้ำซ้อนและอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวน โดยขยายโครงข่ายให้สัญญาณเพิ่มขึ้น ครอบคลุมขึ้น และดีขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา ด้วยข้อมูลอินไซต์การใช้งานที่เจาะลึกในรายละเอียดแต่ละพื้นที่ พร้อมนำเทคโนโลยีเสาสัญญาณล้ำสมัยที่ผสานหลากหลายคลื่นความถี่จากทรูและดีแทครวมกันทำให้เรามีคลื่นให้บริการทุกย่านความถี่มากที่สุด”
อนึ่ง การควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันเป็นการผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค ทั้งนี้จากการที่มีข้อมูลบิดเบือนว่าเสาสัญญาณเป็นเสาดัมมี่นั้นไม่ได้เป็นข้อมูลตามจริง ในทางกลับกัน “Single Grid” ได้เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณอีกด้วย
ทั้งนี้ ในการรวมโครงข่ายของทรู คอร์ปอเรชั่นจะมุ่งเน้นความสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมการใช้งานพร้อมนำคลื่นความถี่รวมกันเพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพสูงสุดจากผสานคลื่นที่มีครบทุกย่านมากที่สุด คือ 700 MHz, 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz การสร้างเครือข่ายที่มีความครอบคลุมมากกว่าเดิม และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก ยืนยันคุณภาพสัญญาณ บทพิสูจน์โครงข่ายเดียว (Single Grid) และ ประสานคลื่นความถี่ ในพื้นที่นำร่องที่เสร็จสมบูรณ์ของพื้นที่ภาคใต้ สัญญาณ 5G และ 4G แรง และเสถียรขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานภายในบ้าน ช่องสัญญาณ (Capacity) รองรับการใช้งานได้มากขึ้นทุกคลื่นความถี่ ทั้งนี้จากการทดสอบ 5G คลื่น 2600 MHz, 5G คลื่น 700 MHz, 4G คลื่นความถี่ต่ำ (Low band), 4G คลื่นความถี่กลาง (Mid band) พบว่าความเร็ว ความแรง และคุณภาพสัญญาณดีขึ้นราว 2 เท่า
มุ่งสู่เครือข่ายลดผลกระทบ “Climate Change”
ทรู คอร์ปอเรชั่นมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 42% ภายในปี 2573 พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จากโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) รวมถึงการวางแผน รวมทั้งการปรับใช้โมเดลสถานีฐานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Powered Cell Sites)
• “Single Grid” ลดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการวางแผน
• 15% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จากโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML)
• 100% รวมศูนย์ฐานข้อมูล วิเคราะห์การใช้พลังงาน และติดตามเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีของไทย ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ เอช และดีแทคด้วยคลื่นความถี่และเครือข่ายประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างสรรค์แพ็กเกจที่มีความหลากหลายที่มากับสิทธิประโยชน์มากมาย สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างกันให้สามารถเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการ สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละคน ทั้งบริการเสียง อินเทอร์เน็ต คอนเทนต์ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อย่างลงตัว