ปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นและเติบโตในยุคโควิด – 19 และไม่ใช่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจแบบจดทะเบียนนิติบุคคลนั้น สิ่งสำคัญที่จะนำพาสู่ความสำเร็จ นอกจากคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงโครงข่ายในติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังจำเป็นต้องมีอีกหลายเครื่องมือที่จะเป็นตัวช่วยในการทำตลาดออนไลน์ให้เติบโตแบบยั่งยืน
เช่น ระบบการจัดการเอกสาร พื้นที่จัดเก็บข้อมูล โปรแกรมออกแบบ ซอฟต์แวร์ช่วยบริหารจัดการระบบหลังบ้าน ระบบบัญชี ไปจนถึงการจัดการระบบขนส่งต่าง ๆ และการเข้าถึงโปรแกรมสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน
…เครื่องมือเหล่านี้ หากไม่ใช่บริษัทที่มีทุนในการดำเนินการ เรียกได้ว่า เกินเอื้อม ! หรือยากเกินกว่าที่จะเข้าถึงได้แบบครบวงจร…
เอไอเอส ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเสริมความแข็งแกร่งเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการอยู่เคียงข้างกลุ่มผู้ทำธุรกิจออนไลน์ และมีความเชื่อว่า “พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์” ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปที่เห็นโอกาสจากการใช้โครงข่ายดิจิทัลในการนำเสนอสิ่งที่ถนัดออกไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น หรือที่เอไอเอสเรียกว่า “ Residential SMEs ” จะเป็นกระดูกสันหลังหลักในการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกแรงหนึ่ง
จึงออกแพคเกจใหม่ “Online Seller” ที่คิดมาเพื่อกลุ่มคนค้าขาย พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดยเฉพาะ โดยพร้อมที่จะเติมเต็มประสบการณ์การค้าขายบนโลกออนไลน์ที่ครบทุกองศา ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สดที่ไหลลื่น ไม่มีสะดุดบนโครงข่าย 5G เน็ตร้านไฟเบอร์ พร้อมโซลูชันเครื่องมือตัวช่วยทางการตลาดจากสุดยอดพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น TikTok Shop, Canva, Microsoft 365, LINE MAN MESSENGER, MyOrder, ถุงเงิน และ FlowAccount ที่จะมาร่วมกันติดอาวุธเสริมแกร่งให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทำธุรกิจปัง ยอดขายพุ่ง พร้อมก้าวสู่การเป็นพอยท์พาร์ทเนอร์ของเอไอเอส
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมี Residential SMEs ถึง2.35 ล้านราย จากผู้ประกอบการธุรกิจ 3.18 ล้านราย จึงถือว่าเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่ใหญ่มาก และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตในด้านเศรษฐกิจ มากกว่า 30 % เกิดการจ้างงานในโครงสร้างธุรกิจกว่า 12 ล้านราย
โดยโครงสร้างที่เป็น Residential SMEs จะมีทั้งกลุ่มที่เป็นการซื้อขาย การผลิต และบริการ ขณะเดียวกัน มีการประเมินมูลค่าธุรกิจ e-Commerce ของไทยในสิ้นปี 2565 นี้ว่าจะมีประมาณ 6 แสนล้านบาท และมีความน่าจะเป็นสูงมากที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอีก 2 ปีข้างหน้าอาจจะถึง 7 แสนล้าน
“ เอไอเอสเชื่อว่า Residential SMEs จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีหลายองค์ประกอบ เช่น ต้องมีตลาดขนาดใหญ่ มีสินค้าและบริการที่มีลักษณะเฉพาะหรือเข้าถึงง่าย มีเรื่องสื่อสารเป็นตัวช่วยเสริม มีอินเทอร์เน็ตที่เร็ว มีเครื่องมือทางด้านซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นเป็นตัวช่วยเสริม มีการออกแบบกราฟฟิค มีระบบบริหารจัดการซึ่งปัจจุบันนับตั้งแต่ผลิตไปจนขาย สามารถทำให้แล้วเสร็จผ่านทางมือถือเพียงเครื่องเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขนส่งบริการดิลิเวอรี่ เรามีความเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมสู่ความสำเร็จของ Residential SMEs ซึ่งไม่แตกต่างจากบริษัทใหญ่”
ทั้งนี้เอไอเอสมี 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ Residential SMEs อย่างแรกคือ ฐานลูกค้าของเอไอเอส ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 49 ล้านบัญชี โดยเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 45 ล้านบัญชี และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งจากการที่ กสทช. อนุมัติ ให้เกิดการรวมกันของเอไอเอสไฟเบอร์และ 3บีบี ทำให้เอไอเอสมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่จะไปถึงบ้านลูกค้ารวมเกือบ 5 ล้านราย อย่างที่สองคือ โครงข่ายหรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่มีความแข่งแกร่งทั้งมือถือและเน็ตบ้าน และอย่างที่ 3 คือ บริการจากพันธมิตรใน Ecosystem ซึ่งเชื่อว่าหากมีการรวมกันแล้วจะช่วยส่งเสริมให้ Residential SMEs เข้มแข็งและเติบโตไปข้างหน้า
สำหรับบริการจากพันธมิตรชั้นนำ ที่จะติดอาวุธและตอบโจทย์คนค้าขายออนไลน์ยุคใหม่ ประกอบด้วย โปรแกรมจัดการเอกสารสุดพรีเมียมในรูปแบบสมาชิกจาก Microsoft 365 พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลสูงถึง 1TB พบกับสุดยอดเครื่องมือออกแบบกราฟฟิกโปรโมทสินค้าได้แบบง่ายๆ และรวดเร็วบน Canva ซึ่งเป็นออลอินวันแพลตฟอร์ม และระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ MyOrder ที่ช่วยลดขั้นตอนการทำธุรกิจ ทั้งเรื่องแชท ที่รวมแชทได้ เปิดดีลลูกค้า และตรวจสลิปปลอม มีบอท ที่ตามได้ทั้งลูกค้า แอดมินและคอมเม้นท์ และมีระบบจัดการออเดอร์ ได้ตั้งแต่อัพเซลล์ แจ้งเลขพัสดุ เรียกรถเข้ารับและพิมพ์ใบส่ง และยังเป็นพาร์ทเนอร์กับขนส่งชั้นนำในไทย
นอกจากนี้ยังมีช่องทางให้เข้าถึงลูกค้าได้แบบมือโปรผ่าน TikTok Shop การมีตัวช่วยเรื่องการขนส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วจาก LINE MAN MESSENGER ซึ่งมี 2ฟีเจอร์ใหม่เพื่อร้านค้า ทั้งการปักหมุดที่แม่นยำ และฟีเจอร์เก็บเงินปลายทาง ที่สามารถใส่พร้อมเพย์ในแอพพลิเคชั่นได้เลย และการรวมถึงความพิเศษในการใช้งานแอพพลิเคชันของร้านค้าถุงเงินกว่า 1.8 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ และหมดปัญหาเรื่องระบบบัญชีด้วยโซลูชันจาก FlowAccount ที่ตอบโจทย์คนค้าขายออนไลน์ยุคใหม่
บริการต่าง ๆ เหล่านี้ จะรวมอยู่ใน “ Online Seller” ซึ่งมี 4 แพคเกจหลักที่จะตอบโจทย์ความต้องการของ Residential SMEs ที่มีจำนวนมาก
แพ็กเกจแรก เรียกว่า “ AIS All in One” ซึ่งรวมครบทั้งเน็ตบ้านความเร็วสูง โทรศัพท์เคลื่อนที่ และแอพพลิเคชั่น Microsoft 365 Family ที่ใช้งานได้สูงสุด 6 ผู้ใช้งาน พร้อม One Drive 1TB ต่อผู้ใช้งาน
แพ็กเกจที่สอง เรียกว่า “ AIS 5G Seller ” เหมาะกับการเป็นตัวช่วยในการขาย โดยมีบริการโมบายแอพพลิเคชั่น เช่น ใช้งาน Canva Pro ฟรีถึง 45 วัน พร้อมโปรแกรมตัวช่วยระบบหลังบ้านอย่าง MyOrder ฟรีนานถึง 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีระบบขนส่งจาก LINE MAN MESSENGER รับส่วนลด รวมมูลค่ากว่า 3,100 บาท
ส่วนแพคเกจที่สาม เรียกว่า “ AIS 5G TikTok Shop” ให้พ่อค้าแม่ค้าได้ Live สดแบบไม่มีสะดุด กับเน็ต 5G เต็มสปีด โทรคุ้มทุกเครือข่าย ฟรีค่าโฆษณา บน TikTok มูลค่า 300 บาท พร้อมโปรแกรมดูแลลูกค้าจาก FlowAccount ในราคา 699 บาท/เดือน
และแพ็กเกจที่สี่ เรียกว่า “ AIS 5G ถุงเงิน โซเชียล” ที่ให้เล่นโซเชียลได้ไม่อั้น ได้ถึง 4 แอพพลิเคชันไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชันถุงเงิน, LINE, Instagram และ Facebook
“สำคัญที่สุดคือ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เลือกใช้แพ็กเกจนี้ จะก้าวสู่การเป็นพอยท์พาร์ทเนอร์ของเอไอเอสทันที ที่มาพร้อมโอกาสในการขายสินค้า และบริการให้แก่ลูกค้าในกลุ่มเอไอเอสกว่า 49 ล้านราย ดังนั้นจึงเท่ากับว่า การเปิดตัวแพ็กเกจในครั้งนี้ นอกจากเราจะสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการหนุนความสามารถของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจผ่านทาง Online อันจะเป็นส่วนหลักในการเติบโตของเศรษฐกิจฐานรากประเทศ ตอกย้ำแนวคิด ECOSYSTEM ECONOMY ที่มุ่งหวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกๆ ภาคส่วนแล้ว ยังได้มอบความพิเศษให้แก่ฐานลูกค้าทั้งหมดของเอไอเอสได้ลดภาระในการใช้จ่าย พร้อมทางเลือกในการซื้อสินค้าและบริการผ่านทาง Online ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย”
สำหรับการรวมกันของเอไอเอสไฟเบอร์และ 3 บีบี นายปรัธนา เชื่อว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งของฐานลูกค้าเน็ตบ้านในด้านการสื่อสาร และเอไอเอสเองก็มั่นใจว่า จะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างตลาดให้เติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการค้าขายในรูปแบบใหม่ในปัจจุบันซึ่งการรวมกันในครั้งนี้จะทำให้ฐานใหญ่ขึ้นและสร้างโอกาสได้มากขึ้น.