กลยุทธ์ “เสียวหมี่” ไม่ใช่มองแค่ผู้นำตลาด แต่ MISSION คือ นำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมาให้คนไทยได้ใช้

Cover Story i & Tech

            ตัวเลขการขึ้นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ทั้งในระดับโลก ,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 14 % ,15 % และ 16 % ตามลำดับ  แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและกลยุทธ์การตลาด ที่นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก  สำหรับ “ เสียวหมี่ ” บริษัทจากประเทศจีน ที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่เป็นของตัวเองในปี 2554 

           …อะไรคือกลยุทธ์สำคัญ ของ “ เสียวหมี่ ”   ที่วันนี้..ขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับโลก เป็นรองแค่ซัมซุง และแอปเปิ้ล   และยังเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม AIoT (AI + IoT)   รวมถึงประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำตลาดประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มร.อเล็กซ์  ถัง

            “ มร.อเล็กซ์  ถัง ”  ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้  เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล และผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย  ซึ่งได้รับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565  และรับตำแหน่งในระดับภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา  บอกถึงกลยุทธ์ของเสียวหมี่ในประเทศไทยว่า  เสียวหมี่ไม่ได้สนใจแค่การเป็นที่ 1 หรือที่  2   แต่ยังมุ่งทำ “พันธกิจ” หรือ “Mission” สำคัญ คือ การนำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมล้ำหน้า มาให้คนไทยได้ใช้ และมองหาผลิตภัณฑ์ที่จะมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าคนไทย

           ทั้งนี้กลยุทธ์ในการทำตลาดจะเน้นใน 3 เรื่องหลัก  เรื่องแรกคือ การมุ่งเน้น สมาร์ทโฟน ซึ่งยังเป็นหัวใจหลักของธุรกิจเสียวหมี่  โดยจะมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งระดับไฮเอ้นท์, ระดับกลาง และระดับเริ่มต้น   เรื่องที่สองคือ  การทำตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ซึ่งเสียวหมี่ให้ความสำคัญอย่างมาก อย่างเช่น  ความร่วมมือกับไลก้า ในการร่วมกันพัฒนาการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน  ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ใน Xiaomi 13  กับ Xiaomi 13T  ที่เพิ่งเปิดตัวไป

            และเรื่องสุดท้ายคือ  AIoT  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของธุรกิจ โดยสิ่งที่เสียวหมี่จะมุ่งเน้น คือ การเพิ่มผลิตภัณฑ์ของ AIoT ให้มากขึ้น  และให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วยสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่  เพื่อให้เกิดเป็นอีโค่ซิสเต็มส์  และทำให้ลูกค้าคนไทยได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายแบบ Smart Life ได้มากขึ้น

           มร.อเล็กซ์  ถัง  บอกว่า จุดเด่นของเสียวหมี่อยู่ที่การมุ่งเน้นคุณภาพ  โดยผลิตภัณฑ์จะมีเทคโนโลยีหรือฟีเจอร์เด่นต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์ ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้  ซึ่งนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นผลมาจากการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่  ที่ให้ความสำคัญกับด้านนี้เป็นอย่างมาก  และเป็นเสมือน Agenda ของเสียวหมี่ทั่วโลก โดยในปี 2566  เสียวหมี่มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ประมาณ 2 หมื่นล้านหยวน

           “ในปี 2565 เหลย จุน ประธานบริหารและผู้ก่อตั้งเสียวหมี่ ฯ ประกาศไว้ว่า ในอีก 5 ปี เสียวหมี่จะยังลงทุนใน R&D  ประมาณ 1 แสนล้านหยวน เหมือนเป็นการให้คำมั่นสัญญาไว้แล้วว่าเราจะลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเยอะมาก ๆ และเสียวหมี่ยังมีศูนย์ R&D  ทั่วโลก ไม่เฉพาะในประเทศจีนแต่ยังมีในฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และกระจายไปทั่วโลก เราคิดว่าเราจะยังคงลงทุนใน R&D  เพราะอยากให้ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อที่จะเอามาให้ลูกค้าของเราได้ใช้จริง”

           สำหรับตลาด AIoT และแนวโน้มการใช้งานในประเทศไทย มร.อเล็กซ์  ถัง  มองว่า คนสนใจเรื่อง Smart Living มากขึ้น  มีคนรุ่นใหม่มากขึ้นที่พร้อมจะปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ  โดยภาพรวมตลาดมีการเปิดรับ  คิดว่าต่อไปการเติบโตจะเป็นไปในทิศทางที่ดี มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องของนาฬิกา การที่เราได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น  ไม่ได้มองอยู่แค่ตลาดพรีเมียม แต่จริงๆ แล้วนาฬิกาของเสียวหมี่  มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และนวัตกรรมใหม่ๆ มาให้กับทุกคน เสียวหมี่มีการทำ Products Line   ให้ครอบคลุมกับทุกกลุ่มลูกค้า มีราคาที่ย่อมเยาว์ เพื่อให้ทุกคนไม่ว่าจะมีรายได้ระดับไหน สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่ได้

           ส่วนเทรนด์ของเทคโนโลยีดิจิทัลในปีหน้า  มร.อเล็กซ์  ถัง   บอกว่า ยังคงเป็นเทคโนโลยี 5G  และปัญญาประดิษฐ์ (AI)  โดย 5G  ถึงแม้ว่าจะมีเข้ามาในช่วง 2-3 ปีนี้  แต่อนาคตจะเห็นว่ามี 5G ในแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ มากขึ้น และจะเห็นโทรศัพท์ที่เป็น 5G เข้ามามากยิ่งขึ้น    ส่วน AI จะเห็นการประยุกต์ใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น  เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวัน  ซึ่งมีการเชื่อมโยงอุปกรณ์อัจฉริยะกับสมาร์ทโฟน มากขึ้น  และในปีหน้าน่าจะมีมากยิ่งขึ้นไปอีก 

             “ ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี เพราะฉะนั้น เสียวหมี่จะยังคงทำตาม Mission ของเรา คือ การเอาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเข้ามาในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น  และยังคงมีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการทำตลาด  ทำแบรนด์  การลงทุนในช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน ที่ลูกค้าคนไทยยังนิยมสัมผัสสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ  รวมถึงการพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้ดีขึ้น ”

           ครบรอบ 1 ปี สำหรับการบริหารงานเสียวหมี่ ประเทศไทย ของ “ มร.อเล็กซ์  ถัง”  กับ 16 % อันดับ 3 ด้านส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทไฟนในไทย   ตอกย้ำการดำเนินกลยุทธ์ …ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จและเห็นทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย.