SHARGE เปลี่ยนชื่อสู่ “RÊVERSHARGER” ต่อยอดแผน RÊVERLUTION ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ เรเว่ ออโตโมทีฟ-บางจาก-ผู้ให้บริการสถานีพลังงาน ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถ EV สาธารณะความเร็วสูง เพิ่มอีก 370 แห่ง 1,320 หัวชาร์จ ครอบคลุม 68 จังหวัดทั่วประเทศ กระจายตัวโชว์รูมรถ BYD-ปั๊มในเมือง-ปั๊มบนทางหลวง เติมเต็ม EV Ecosystem เพิ่มความมั่นใจการซื้อรถ EV เพื่อเดินทางไกล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มากขึ้น รองรับการแลกใช้คาร์บอนเครดิต หนุนปี 67 มีหัวชาร์จสาธารณะทะลุ 2,012 หัวชาร์จ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 EV Charging Solution ที่สมบูรณ์ที่สุด พร้อมพัฒนาหลากฟังก์ชันในแอป ตอบโจทย์คนเดินทาง อาทิ Trip Planning แนะนำสถานีชาร์จระหว่างเส้นทางเดินทาง, Customer Onboarding System และ Plug and Charge ลงทะเบียนรถใหม่ให้ล่วงหน้า เสียบชาร์จง่ายได้ทันที คาดจำนวนผู้ใช้แอปโตแตะ 150,000 ราย ครองส่วนแบ่งตลาดทะลุ 50% พร้อมเปิดกว้างรับพันธมิตรและผู้สนใจ ร่วมขับเคลื่อนสถานี EV Charger สำหรับแท็กซี่-รถเมล์และอีกหลายธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้สร้างความร่วมมือกับบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทย เปลี่ยนชื่อแบรนด์สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) สาธารณะทุกแห่ง และชื่อแอปพลิเคชัน SHARGE สู่แบรนด์ใหม่ “RÊVERSHARGER” พร้อมทั้งเดินหน้าเต็มกำลังกับพันธกิจ RÊVERLUTION ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการเพิ่มเครือข่าย EV Charger รองรับการเติบโตของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าแบบก้าวกระโดด และตอกย้ำสถานะอันดับ 1 ผู้ให้บริการ EV Charger ครบวงจรที่มีโซลูชั่นครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทุกกลุ่ม
ล่าสุด บริษัทได้จับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ทั้งด้านรถยนต์ไฟฟ้าและด้านพลังงาน จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด 2.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ผู้ให้บริการสถานีบริการพลังงานแบรนด์บางจาก 3.บริษัทผู้ให้บริการสถานีพลังงานที่กำลังเจรจาปิดดีลอีก 1 ราย ขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 370 แห่ง 1,320 หัวชาร์จ ครอบคลุม 68 จังหวัดทั้งเมืองหลักและเมืองรองทั่วประเทศ อาทิ ภาคกลาง กรุงเทพฯและปริมณฑลทุกจังหวัด พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี ภาคเหนือ เชียงใหม่ ลำปาง กำแพงเพชร พิษณุโลก ตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง และภาคใต้ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช ชุมพร เป็นต้น
สำหรับหัวชาร์จในสถานีทั้ง 370 แห่ง จะเป็นหัวชาร์จกระแสตรง (DC) ความเร็วสูงสุดถึง 360kW ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงที่สุดในโลกในขณะนี้ กระจายอยู่ตามสถานที่ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.เครือข่ายทางหลวง รองรับการเดินทางไกลในปั๊มบางจาก 50 แห่งด้วยหัวชาร์จความเร็วสูงสุดในระยะแรก 120kW 2.เครือข่ายในเมือง รองรับการใช้งานบริเวณใกล้เคียงจุดที่มีกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เช่น ใกล้อาคารสำนักงาน แบ่งเป็นสถานีในปั๊มบางจาก 60 แห่ง ปั๊มของผู้ให้บริการสถานีพลังงานอีกรายจำนวน 60 แห่ง 3.ในโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า BYD แบ่งเป็น หัวชาร์จ 120kW ตามโชว์รูมทั่วไป 150 แห่ง และหัวชาร์จ 360kW ตามโชว์รูมพิเศษ 50 แห่ง โดยจุดชาร์จตามโชว์รูม BYD นั้น สามารถชาร์จรถยนต์ได้ทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นรถยนต์ BYD
“ปัญหาสำคัญข้อหนึ่งของคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ EV คือ ถ้าต้องเดินทางไกลๆ โดยเฉพาะเดินทางข้ามจังหวัด จะไปชาร์จที่ไหน คิวยาวไหม ต้องรอระหว่างชาร์จนานหรือไม่ วันนี้เราและพันธมิตรจึงมาผนึกกำลัง ภายใต้พันธกิจ RÊVERLUTION ขยายสถานีให้ครอบคลุมเส้นทางการเดินทางสำคัญทั่วประเทศ ที่เราเรียกว่าเส้นทาง On-The-Go พร้อมทั้งเป็นหัวชาร์จความเร็วสูงทั้งหมด เพิ่มความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง เติมเต็ม EV Ecosystem สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งานรถ EV ในปัจจุบัน รวมถึงผู้ที่มีแผนจะซื้อรถ EV ในอนาคต” นายพีระภัทร กล่าว
ขณะเดียวกัน การขยายจำนวน EV Charging Station อย่างต่อเนื่อง ยังถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ BYD และรองรับการเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิตที่ทางเรเว่ ออโตโมทีฟ ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ ว่าจะมีสถานี RÊVERSHARGER อย่างทั่วถึง รองรับการนำคาร์บอนเครดิตไปใช้เป็นส่วนลดในการชาร์จรถยนต์ EV ซึ่งเป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ของโครงการฯ คาดว่า ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะสะสมทั้งสิ้น 582 แห่ง มีหัวชาร์จรวมมากกว่า 2,012 หัวชาร์จ และกลายเป็นผู้ให้บริการ EV Charging Solution อันดับ 1 ที่มีบริการครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งมีเครือข่ายการบริการทั่วประเทศ
นายพีระภัทร กล่าวอีกว่า นอกจากการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯยังมุ่งมั่นพัฒนาแอปพลิเคชัน RÊVERSHARGER เพื่ออำนวยความสะดวกในการชาร์จและการเดินทางของผู้บริโภคอีกด้วย ล่าสุด ได้มีฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ Trip Planning ใช้แผนที่จาก Google Maps เชื่อมโยงเข้าสู่แอป RÊVERSHARGER เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเส้นทางจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทาง พร้อมทั้งได้รับการแนะนำสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม On-The-Go ที่อยู่บนเส้นทางหรือบริเวณใกล้เคียงการเดินทางไปยังจุดหมาย อำนวยความสะดวกและช่วยให้เดินทางได้อย่างมั่นใจ Customer Onboarding System ลงทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ทุกคัน เข้ากับฐานข้อมูลของ SHARGE ล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกผู้บริโภคในการใช้งาน เช่น สามารถลงทะเบียนผูกช่องทางชำระเงิน แล้วสามารถเสียบหัวชาร์จเข้ากับตัวรถได้เลย โดยที่หัวชาร์จจะรับรู้อัตโนมัติ ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร
ปัจจุบัน แอป RÊVERSHARGER มีสมาชิกผู้ใช้งานอยู่ทั้งสิ้นกว่า 40,000 ราย โดยเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำ (Active User) กว่า 4,000 ราย คาดว่าด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายเครือข่ายสถานีให้พร้อมบริการทั่วประเทศในอนาคต จะส่งผลให้มีผู้ใช้งานแอปเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 ราย หรือมากกว่า 50% ของส่วนแบ่งตลาด ภายในสิ้นปี 2567 ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ https://sharge.page.link/ib87
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะในสถานที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการเปลี่ยนผ่านรถยนต์โดยสารส่วนบุคคล (Passenger Vehicle) ไปสู่รถ EV แล้ว SHARGE ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านรถยนต์เชิงพาณิชย์ (Commercial Vehicle) ไปสู่รถ EV ด้วย โดยยังคงเปิดกว้างรับพันธมิตรทั้งกลุ่มเจ้าของอู่รถแท็กซี่ รถเมล์ รถเช่า ตลอดจนนักลงทุนมาร่วมขับเคลื่อน EV Ecosystem