การทำวิจัยไม่ได้มีไว้แค่การอ้างอิง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการร่วมมือและผลักดันจากทุกภาคส่วนให้งานวิจัยที่เคยถูกกล่าวถึงว่าอยู่แต่ “บนหิ้ง” ถูกนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมไม่ว่าเป็นทางเชิงพาณิชย์หรือสร้างประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
“งานการประชุมวิชาการและนิทรรศการนานาชาติทางนาโนเทคโนโลยี ครั้งที่ 8” หรือ “ NanoThailand 2023” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2566 ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางด้านนาโนเทคโนโลยีระดับโลก และยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมนาโนเพื่อตอบโจทย์โลกด้านความยั่งยืน
ซึ่งไฮไลต์ของงาน นอกจากจะนำเสนอความก้าวหน้าของการพัฒนานาโนเทคโนโลยีทั้งในประเทศไทยและในระดับโลกเพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือแล้ว งานนี้…ยังนำเสนอหรือแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการนำนาโนเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ ซึ่งได้คัดเลือกผลงานวิจัยที่ดี มีผลกระทบสูงและสามารถต่อยอดการใช้ประโยชน์สร้างผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์
งาน NanoThailand 2023 จัดขึ้นโดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 ภายใต้กรอบแนวคิด “Nanotechnology for Sustainable World” ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 350 คน เป็นผู้ร่วมงานชาวต่างชาติ 100 คนจาก 20 ประเทศทั่วโลก
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประธานในการเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กล่าวว่า บทบาทของ อว.คือการพัฒนากำลังคน ที่ไม่ได้ทำเฉพาะในมหาวิทยาลัย และส่งเสริมให้เกิดความเป็นเลิศในด้านการวิจัย การจัดประชุมดังกล่าวเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้สมัยใหม่รวมถึงอัพเดทเทคโนโลยีต่าง ๆ และเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างนักวิจัยไทยกับนักวิจัยในต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการทำงานร่วมกันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานาโนเทคโนโลยีในประเทศไทยในอนาคต
ด้าน ดร.ภาวดี อังค์วัฒนะ รองผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. กล่าวว่า การประชุม NanoThailand 2023 เป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์ตอบวัตถุประสงค์ของสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ในด้านการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ ผลงานวิจัย รวมทั้งการนำความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยีไปประยุกต์จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำไปสู่การสร้างความร่วมมือการวิจัยกับทั้งภายในและภายนอกประเทศ
“ นาโนเทค สวทช. เป็นองค์กรวิจัยแห่งความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการวางรากฐานเพื่อขยายผลการพัฒนานาโนเทคโนโลยี สร้างความเข้มแข็งทางวิชาการที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนา ความสามารถในการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์เพื่อสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนภายในประเทศ เวที NanoThailand นี้ ก็จะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญ ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางด้านนาโนเทคโนโลยีของไทยและของโลกไปทั้งองคาพยพ”
สำหรับงานวิจัยที่ตอบโจทย์โลกด้านความยั่งยืน ดร.ภาวดี บอกว่า ในฐานะศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ มีการทำงานวิจัยด้านดังกล่าวอยู่หลายเรื่อง เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจ รวมถึงเรื่องการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นการนำนาโนเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเรื่องลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (GHG Net Zero) ภายใน ค.ศ. 2065
อย่างไรก็ดีนอกจากด้านความยั่งยืน เรื่องพลังงานแล้ว ศูนย์นาโนเทค สวทช. ยังมีงานวิจัยด้านการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยังเป็นผู้ดูแล ตรวจสอบ ความเป็นนาโนเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ซึ่งผลิตภัณฑ์ใดที่มีการใช้นาโนเทคโนโลยีที่ชัดเจน จะให้ขอรับ การรับรองที่เรียกว่า ฉลากนาโน (NanoQ) จากสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในการใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ขณะที่นายพอ บุณยรัตพันธุ์ อุปนายกสมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมนาโนเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานอิสระที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง ในการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการจากองค์กรภาครัฐ ตลอดจนมหาวิทยาลัยต่างๆ ให้ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งการเป็นศูนย์กลางประสานงาน แก้ปัญหาและพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ เชื่อมโยงของภาควิชาการและภาคอุตสาหกรรม ในวงการนาโนเทคโนโลยีของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม และกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจให้กับสังคมและประชาชนในประเทศ ซึ่งงาน NanoThailand ก็เป็นอีกหนึ่งเวทีที่จะช่วยส่งเสริมและสร้างความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงพัฒนาด้านนาโนเทคโนโลยีร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรจากทั่วโลก
สำหรับในงาน NanoThailand 2023 นี้ ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรกิตติมศักดิ์ ซึ่งเป็นนักวิจัยในระดับแนวหน้าของโลก 2 ท่าน คือ Prof. Susumu Kitagawa จากสถาบัน Institute for Integrated Cell-Material Sciences (iCeMS), Kyoto University, Japan เป็นผู้บุกเบิกเคมีเชิงฟังก์ชันของ MOF และค้นพบ MOF ที่มีสมบัติยืดหยุ่น ซึ่งมีสมบัติแตกต่างไปจากวัสดุที่มีรูพรุนทั่วไป ที่จะมาบรรยายในหัวข้อเรื่อง “Chemistry and Application of Soft Porous Crystals from MOFs/PCPs”
และ Prof. Cees Dekker จากสถาบัน Kavli Institute of Nanoscience, Delft University of Technology, Netherlands ผู้เชี่ยวชาญด้านนาโนพอร์ (nanopore) เป็นผู้ค้นพบสมบัติทางอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ของท่อนาโนคาร์บอน จะมาบรรยายในหัวข้อเรื่อง “Employing Nanotechnology for Single-molecule Biology: From Nanopore Protein Sequencing to Chromosome Organization” นับเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยีของโลก
ศ. ดร. จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีเกียรติคุณ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) กล่าวว่า งาน NanoThailand 2023 นี้ นับเป็นความภูมิใจที่ VISTEC ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพ และนำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยทางด้านนาโนเทคโนโลยีภายใต้แนวคิด “นาโนเทคโนโลยีเพื่อโลกอย่างยั่งยืน” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือ การนำนาโนเทคโนโลยีไปใช้ในหลายสาขาเพื่อสร้างสรรค์การพัฒนาที่ยั่งยืน งานประชุมนี้จะเป็นแนวทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคโนโลยี และการแบ่งปันความคืบหน้าล่าสุดในการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ในงานยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยที่โดดเด่นทางด้านนาโนเทคโนโลยี จากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้แก่ เทคโนโลยีนาโนเอ็นแคปซูเลชันและส่วนประกอบเชิงฟังก์ชัน, ชุดตรวจต่าง ๆ อาทิ และเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน (Carbon Capture Utilization, CCU) รวมถึงมีผลงานนวัตกรรมที่พัฒนาจากงานวิจัยมาเป็นผลิตภัณฑ์ จากบริษัท CLEANTECH AND BEYOND CO., LTD ภายใต้การดูแลของบริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP) ที่จัดตั้งโดยสถาบันวิทยสิริเมธี และผลงาน BioVis ที่เป็นการเพิ่มทรัพย์จากขยะอินทรีย์ มาจัดแสดงในงาน นอกจากนี้ยังมีการนำเครื่องมืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ จากบริษัทชั้นนำมาร่วมออกบูทจำนวน 12 บริษัท
ดร. ภาวดี กล่าวอีกว่า “ เราคาดหวังให้งานนี้เป็นเวทีที่ผสานพลังของเครือข่ายพันธมิตรด้านนาโนเทคโนโลยีจากทั่วโลก ทั้งด้านวิจัยและด้านการศึกษา แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยี เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก บูรณาการการทำงานร่วมกับพันธมิตรผ่าน Ecosystem หรือระบบนิเวศด้านนาโนเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง อันเกิดจากความร่วมมือในเวทีโลกเช่นงาน NanoThailand นี้ และนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางด้านนาโนเทคโนโลยีของโลก และของไทยเรา”
เข้าร่วมงานนี้แล้ว จึงรู้ว่าสิ่งที่นักวิจัยระดับโลกกำลังพัฒนา…ก็กำลังทำอยู่ในประเทศไทย และมีอีกหลาย ๆ นวัตกรรมจากสตาร์ทอัพคนไทย ที่สามารถทำได้เป็นครั้งแรกในโลก รอชมกันได้เลย..