ยิบอินซอย เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 เจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจการเงินและการธนาคาร พลังงาน ค้าปลีก โทรคมนาคม และองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ชี้แนวโน้มเทคโนโลยีไอทีปีนี้ เอไอยังเป็นเทคโนโลยีแห่งปี
คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย กล่าวว่า ทิศทางการทำธุรกิจของยิบอินซอยคือการเป็นพันธมิตรที่ดีกับคู่ค้าทางธุรกิจของยิบอินซอยรวมถึงพันธมิตรอื่น ๆ เพื่อร่วมกันนำเสนอสิ่งที่ดี ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตดิจิทัลทั้งด้านการทํางานและการใช้ชีวิตของผู้คน ทั้งนี้การที่ยิบอินซอยสามารถ เติบโต ก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาเกือบ100 ปี เป็นเพราะมีพันธมิตรทางการค้าที่ดีเสมอมา ซึ่งปัจจุบันกลุ่มยิบอินซอยมีบริษัทในเครือฯ กว่า 9 แห่ง มีพนักงานมากกว่า 1,900 คนและมีศูนย์บริการกว่า 32 แห่งทั่วประเทศไทยและในเขตประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีธุรกิจในกลุ่มยิบอินซอยครอบคลุมถึงด้าน IT Digital Solutions, High Technology, Trading & Manufacturing, Insurance Broker และจะมีธุรกิจด้าน Clean Energy & Smart Agri-Tech Solutions และ Nano Bio Technology ต่อไปในอนาคต
“ยิบอินซอยมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลของประเทศและผลักดันโครงการที่มุ่งเน้นการปฏิรูปทางดิจิทัลและการปรับปรุงการทำงานให้ทันสมัยหลากหลายโครงการ โดยพิสูจน์ได้จากประวัติธุรกิจและบันทึกความสำเร็จของเราในกลุ่มธุรกิจด้านการธนาคาร พลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต การค้าปลีก โทรคมนาคม และในหน่วยงานราชการที่หลากหลาย เรามุ่งมั่นที่จะรักษาคุณภาพ สร้างความพึงพอใจ เน้นส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จของลูกค้า และดำเนินธุรกิจธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพหลากหลายรูปแบบที่เกี่ยวข้อง”
คุณมรกต กล่าวว่า “ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโครงการ GFMIS THAI ถือเป็น Thailand Country Agenda Project โครงการระดับชาติที่สำคัญของประเทศไทยและเป็นโครงการโดดเด่นที่ยิบอินซอยมีโอกาสร่วมพัฒนาจนเป็นผลสัมฤทธิ์ ถือเป็นโครงการใหญ่แห่งความภาคภูมิใจของยิบอินซอย นอกจากนี้ ยิบอินซอยเรายังเชี่ยวชาญในโซลูชั่นการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินอย่างเด่นชัด จนได้สร้างนวัตกรรมภายในกลุ่มบริษัทของเราเอง ยิบอินซอยเชื่อมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม การทำงานอย่างมีจริยธรรม และการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม ขณะนี้เรามุ่งมั่นเดินตามทิศทางและค่านิยมขององค์กร พร้อมมุ่งหน้าในการเป็นผู้ร่วมสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนให้พันธมิตรทางธุรกิจอย่างเด่นชัดในศตวรรษที่ 2 ของยิบอินซอยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
สำหรับการทำธุรกิจในศตวรรษที่ 2 ยิบอินซอยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยให้สร้างสิ่งดี ๆให้กับสังคมและโลก ทำให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งใน1-2 ปีที่ผ่าน ยิบอินซอยได้มุ่งไปในธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น โดยได้ลงทุนในสตาร์ทอัพต่าง ๆ เช่น บริษัท โซลารินน์ จำกัด สตาร์ทอัพในกลุ่มของยิบอินซอยที่มีการพัฒนาแหล่งกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ บริษัท โมรีน่า โซลูชั่นส์ จำกัด สตาร์ทอัพด้านไบโอเทคโนโลยี ที่มีการต่อยอดธุรกิจปุ๋ยของยิบอินซอยด้วยการพัฒนาเป็นการนำส่งวิตามินเข้าไปถึงเซลพืช บริษัท อีซีไรช์ ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด ที่นำระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมข้าวไทย ด้วยการนำระบบ AI มาใช้ในการตรวจสอบสายพันธุ์ข้าวเปลือก เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพข้าวสาร เพื่อให้ได้มาตรฐาน รวมถึงบริษัทวินโนหนี้ ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของกลุ่มบางจาก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้บริการ “รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” พร้อมสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านคุณสุภัค ลายเลิศ กรรมการอำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า บริษัท ยิบอินซอย เป็นซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ ( Systems Integrator) ชั้นนำของไทยของไทย กว่า 7 ทศวรรษ ทั้งซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชัน ฮาร์ดแวร์ รวมถึงการให้บริการคำปรึกษาในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ ตลอดจนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย ด้วยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญกว่า 700 คน ที่มุ่งมั่นให้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การบำรุงรักษาระบบเครือข่าย อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริม โซลูชั่นศูนย์ข้อมูล รวมถึงระบบที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และระบบการติดตามเฝ้าระวังต่างๆ โดยเน้นความร่วมมือกับลูกค้าอย่างเป็นระบบเพื่อการให้บริการและส่งมอบโซลูชั่นที่ดี
“สำหรับวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ยิบอินซอยมีนโยบายในการทำงานแบบ Growth mindset หรือกรอบความคิดแบบยืดหยุ่น เราเติบโตและพัฒนาศักยภาพของเราให้เท่าทันกระแสของการเปลี่ยนแปลง พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบความสำเร็จที่สร้างคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้าแก่พันธมิตรทางการค้า โดยเรามุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรชั้นนำที่ก้าวล้ำในระดับแนวหน้าของประเทศ ที่พร้อมตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้รอบด้านของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนภาครัฐ และเอกชนเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายความสำเร็จและการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ”
ในปีนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้าธุรกิจการเงินและการธนาคาร โทรคมนาคม พลังงาน, สุขภาพ (Healthcare) และองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยการคัดสรรเทคโนโลยีจากพันธมิตรชั้นนำระดับโลกต่างๆ อาทิ HPE, AWS, Google, NetApp, Trend Micro เป็นต้น ให้กับลูกค้า
สำหรับโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ หลัก ๆ จะประกอบด้วย 1. Cloud and Infrastructure Modernization ระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งในส่วนของ Cloud และ On-Premises เป็นเส้นเลือดสำคัญที่จะหล่อเลี้ยงให้ทุกเทคโนโลยีสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยืดหยุ่นและมั่นคง เพื่อให้แอปพลิเคชั่นทางธุรกิจ และการบริการด้านดิจิทัล ที่สำคัญของธุรกิจนั้นสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุดติดขัด และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่คุ้มค่าสูงสุด
2.Cyber Security ภัยคุกคามไซเบอร์ถือเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญในทุกวันนี้ ทั้งด้วยความสำคัญของระบบไอทีที่มีต่อการดำเนินธุรกิจและมูลค่าของข้อมูลในการดำเนินธุรกิจที่ทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การโจมตีเกิดขึ้นอย่างหลากหลายรูปแบบ และมีปริมาณของภัยคุกคามไซเบอร์ที่เกิดขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งข้อกฎหมายและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ถูกบังคับใช้มากขึ้น ทั้งหมดนี้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ธุรกิจองค์กรต้องเร่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
3.Digital Business Solutions การทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ในกลุ่มภาคธุรกิจองค์กรนั้นยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะยังคงดำเนินต่อไปตราบเท่าที่โลกของเรายังมีนวัตกรรมใหม่ๆ ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เทคโนโลยีด้านเอไอที่ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานจริงได้ในหลายกรณี ก็ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจองค์กร
4.Data & Analytic Solutions ข้อมูลได้กลายเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจขององค์กรทุกแห่งไปแล้ว ดังนั้นการสร้างการเติบโตที่มั่นคงให้กับธุรกิจจึงไม่ได้อาศัยเพียงแค่การบริหารหรือการดำเนินงานที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการจัดการและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้ธุรกิจก้าวสู่การเป็นธุรกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว และเปิดรับต่อการนำเอไอซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ต้องใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาลในการพัฒนาและการทำงานในอนาคต
และ 5.Financial & Banking Services ปลดล็อคศักยภาพธุรกิจทางด้านการเงินและการธนาคาร ขยายการเข้าถึงบริการอย่างไร้รอยต่อ และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เพื่อการเติบโตของธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎระเบียบและสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายิบอินซอย ได้จัดงานสัมมนาใหญ่ชื่อ YIP Open House 2024 : Digital Revolutionization from Business Modernization เพื่อนำเสนอแนวโน้มเทคโนโลยี สิ่งที่ผู้บริหารไอทีจำเป็นต้องรู้ เพื่อรับมือกับแนวโน้มใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งเอไอ คลาวด์ ไฮบริด มัลติ-คลาวด์ ไอที อินฟราสตรัคเจอร์ และไซเบอร์ซีเคียวริตี้
ทั้งนี้ในส่วนแนวโน้มเทคโนโลยีไอทีในปี 2567 ยิบอินซอยมองว่า เอไอจะเป็นเทคโนโลยีแห่งปีโดยเฉพาะ เจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI) ขณะเดียวกันการอิมพลิเมนต์เทคโนโลยีก็ต้องกระทำอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่องค์กรต้องมองให้ไกลกว่าการมีแค่ระบบรักษาความปลอดภัย (Cyber Security) แต่ต้องไปให้ถึง Cyber Resilience หรือ ความสามารถในการเตรียมตัวและตอบสนองภัยคุกคาม ตลอดจนการกู้คืนระบบให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นว่าองค์กรจะต้องไปต่อได้ในทุกสถานการณ์