บพข. ร่วมกับ วีกรีน และ สมอ. ผลักดัน 26 บริษัทไทย ผ่านมาตรฐาน CEMS ครั้งแรกของไทย

นวัตกรรมยั่งยืน

บพข.ประกาศความสำเร็จก้าวแรกในการผลักดันนโยบาย CIRCULAR ECONOMY และ SDGs  โดยร่วมกับวีกรีน และ สมอ. ผลักดัน 26 บริษัทไทย ผ่านมาตรฐาน CEMS ครั้งแรกของไทย  

             จากปัญหาสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนทรัพยากรที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายประเทศได้ออกข้อกำหนดและเกณฑ์มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพสูง ได้มีการออกมาตรการเก็บภาษีเพิ่มสำหรับสินค้าที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม และมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงในกระบวนการผลิต ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั่วโลก

             ดังนั้นภาครัฐและผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัวใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อให้กระบวนการผลิตปล่อยคาร์บอนได้ตามเกณฑ์ โดยอาวุธทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลไทยนำมารับมือและต่อยอดในเรื่องนี้ คือการผลักดันเศรษฐกิจด้วย  “BCG Model”   ซึ่งประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อผลักดันภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมุ่งไปสู่ Net Zero Emissions

             เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า/คู่ค้า สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการกำหนดมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ “ระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กร (Circular Economy Management System; CEMS)” มตช. 2 เล่ม 2 เพื่อให้ภาคธุรกิจใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดทำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กร และได้ร่วมมือกับ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (วีกรีน) โดยมี รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง ผู้อำนวยการ วีกรีน เป็นหัวหน้าโครงการ ภายใต้การสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.)  ในการพัฒนาระบบดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ สามารถผลักดันให้เกิดการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เกิดประสิทธิผลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการรับสมัคร ผู้ประกอบการ ที่ปรึกษา หน่วยรับรอง (Certification Body) และหน่วยรับรองระบบงาน (Accreditation Body) เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วยเพื่อให้ครอบคลุมทั้งโครงสร้าง

             ทั้งนี้ภายใต้การสนับสนุนของ บพข.   วีกรีน  และสมอ.  ได้มีการลงนามความร่วมมือในการพัฒนามาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนองค์กร (Circular Economy Management System; CEMS) ครั้งแรกของประเทศไทย ร่วมกับ 30 บริษัทนำร่อง เมื่อปลายปี 2565

             ล่าสุด… ได้มีแถลงข่าว “CIRCULAR ECONOMY: From Policy to Practice for Business Organizations” ประกาศความสำเร็จในการผลักดัน 26 บริษัทแรกให้สามารถผ่านมาตรฐาน CEMS พร้อมทั้งการพัฒนาหน่วยตรวจรับรองและบุคลากรตรวจประเมินด้านการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรกว่า 500 คน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคเอกชนไทยในการทำตลาดกับคู่ค้าธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

             รศ. ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์  ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวว่า “เป้าหมายของโครงการนี้ เป็นการยกระดับการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนสู่การประยุกต์ใช้จริงตามข้อกำหนดของมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ เป็นการพัฒนาระบบการตรวจสอบและรับรองสำหรับระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนองค์กรครั้งแรกของประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและสากล และมีคู่มือแนวทางเชิงปฏิบัติที่ดีของระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนองค์กรสำหรับอุตสาหกรรมที่สนใจ  โครงการนี้มีการสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางเชิงปฏิบัติและการแสดงความสอดคล้องตามข้อกำหนดของมาตรฐาน CEMS อีกทั้งยังเป็นการสร้างกำลังคนด้านระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรสู่การขยายผล  ให้มีการประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมในวงกว้าง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งตอบโจทย์ SDG 9, SDG 12 และ SDG 13 ของประเทศด้วย”

             รศ. ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง ผู้อำนวยการ วีกรีน คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหน้าโครงการฯ กล่าวเสริมว่า “โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในพัฒนาระบบการตรวจสอบและรับรองระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและสากล ตลอดจนจัดทำคู่มือแนวทางเชิงปฏิบัติที่ดีของระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรตามข้อกำหนดของมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ โดยมีการรับสมัครบริษัทนำร่องเข้าร่วมโครงการฯ นำข้อกำหนดของมาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรไปปฏิบัติจริง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การลดปริมาณของเสีย และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก พร้อมรับการตรวจประเมินจากผู้ตรวจประเมินภายนอก ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 และผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรเป็นกลุ่มแรกของประเทศไทย จำนวน 26 บริษัท

             นอกจากนี้ยังได้พัฒนาผู้มีความสามารถในการเป็นที่ปรึกษา (Consultants) พัฒนาผู้ตรวจประเมิน (Auditors) จากหน่วยตรวจรับรอง (CB: Certification Body) ที่พร้อมดำเนินการขยายขอบเขตการให้บริการตรวจประเมินและให้การรับรอง CEMS สอดคล้องตามข้อกำหนดของมาตรฐาน เพื่อเป็นการยกระดับสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้มีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ”

             นายวีระศักดิ์ เพ้งหล้ง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ สมอ.  กล่าวว่า “มาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กรเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้น การสร้างกำลังคน โดยเฉพาะที่ปรึกษา จะเป็นปัจจัยสำคัญในการนำไปสู่การขยายผลให้มีการประยุกต์ใช้มาตรฐานในภาคอุตสาหกรรมในวงกว้าง เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบาย CE อย่างเป็นรูปธรรม ในโครงการนี้ ได้มีการจัดอบรมภาคทฤษฏีเกี่ยวกับที่มาของการพัฒนาข้อกำหนดและการตีความข้อกำหนดสู่แนวทางเชิงปฏิบัติ รวมทั้งภาคปฏิบัติ ผ่านการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนำร่อง เพื่อพัฒนาที่ปรึกษาให้มีองค์ความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางเชิงปฏิบัติและการแสดงความสอดคล้องตามข้อกำหนดของมาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนองค์กร จำนวน 34 คน แบ่งเป็น บริษัทที่ปรึกษา 6 บริษัท รวม 23 คน ที่ปรึกษาอิสระ 5 คน และอาจารย์จากมหาวิทยาลัย 6 คน โดยจะประกาศรายชื่อที่ปรึกษาบนเว็บไซด์ของ สมอ. เพื่อเป็นข้อมูลให้กับโรงงานอุตสาหกรรม”

             สำหรับรายชื่อหน่วยตรวจรับรอง (CB: Certification Body) ที่เข้าร่วมโครงการและพร้อมให้บริการตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับองค์กร  ประกอบด้วย 1. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. (TISTR) 2.สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI) 3. บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด (SGS) 4. บริษัท บูโร เวอริทัส (ประเทศไทย) จำกัด (Bureau Veritas)

             บพข. มีเป้าหมายที่จะปิดช่องว่างและเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องหลักในห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้รีไซเคิล เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย จึงได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการวิจัยดังกล่าว ภายใต้แผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมี วีกรีน เป็นผู้ดำเนินงาน ร่วมกับ สมอ. ที่สนับสนุนทุนวิจัยในรูปแบบ in-kind ซึ่ง บพข. คาดหวังว่าระบบ CEMS จะเป็นเครื่องมือและกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ตามเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การลดการใช้ทรัพยากร การลดปริมาณของเสีย ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ตลอดจนทำให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับภูมิภาค