หลังควบรวมครบ1ปี ทรู คอร์ปอเรชั่น ย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี พร้อมทรานสฟอร์มองค์กรทุกมิติ เผยทิศทางธุรกิจ ปี 2567 เน้น 3 กลยุทธ์หลัก ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับเวิลด์คลาส ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวันและพลิกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เชื่อสามารถทำกำไรได้ในปีนี้
วันนี้ ( 7 มีนาคม 2567 ) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงข่าว “2024 Vision &Strategy” ย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี ประกาศทิศทางธุรกิจ ปี 2024 เดินหน้าผสานพลังโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมล้ำสมัยและระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ผนวกอัจฉริยภาพเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำงานกับข้อมูล บนพื้นฐานของจริยธรรมและความโปร่งใสในความเป็นส่วนตัวของข้อมูล มุ่งสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกลยุทธ์ 3 ด้านหลัก คือ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับเวิลด์คลาส – ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน – พลิกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความก้าวหน้าของทรูในขวบปีที่ผ่านมาว่า “เรามีพัฒนาการที่สำคัญทั้งในด้านการทรานสฟอร์มองค์กรอย่างต่อเนื่องสู่การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม-เทคโนโลยีเต็มรูปแบบ เพื่อส่งมอบประสบการณ์สื่อสารและนวัตกรรมบริการดิจิทัลแบบไร้รอยต่อให้แก่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ รวมถึงการปรับโครงสร้างการดำเนินการสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์จากการผสานรวมกัน และในปี 2567 นี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนทุกส่วนธุรกิจด้วยการเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิบัติการ ดึงพลังเทคโนโลยี AI ผสานความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกมาใช้ในการปฏิวัติพัฒนาบริการ
ทั้งนี้ได้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจ มุ่งเน้น 3 ด้าน คือ ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าระดับเวิลด์คลาส – ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน – พลิกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะยกระดับขีดความสามารถของทรู คอร์ปอเรชั่น ในการเปลี่ยนผ่านสู่ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีที่สามารถสร้างประโยชน์จากการผสานรวมกัน เพิ่มศักยภาพในการให้บริการลูกค้า การบริหารต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร บนพื้นฐานของจริยธรรม ความรับผิดชอบ และเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรในปี 2567 นี้ และเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบคุณค่าเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ คู่ค้า ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน รวมถึงเสริมสร้างการเติบโตของสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”
สำหรับการยกระดับประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส ที่มีเป้าหมาย เป็น No.1 World-Class Customer Experience นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรู ให้ความสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ทั้งลูกค้าบุคคลและองค์กรธุรกิจ โดยได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลให้ล้ำสมัย มีคุณภาพสูง พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้งาน 5G ด้วยการอัพเกรดเทคโนโลยีเครือข่ายอย่างต่อเนื่องให้เทียบมาตรฐานชั้นนำของโลกและตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า ด้วยอุปกรณ์เครือข่ายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถลดการปล่อยก๊าซ CO2 ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) แล้วมากกว่า 2,400 เสาทั่วประเทศ และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10,000 เสา ในปี 2567 อีกทั้งยังผสานโครงข่ายเตรียมพร้อมเป็นเครือข่ายเดียว (One Integrated Network) รวมถึงการใช้ประโยชน์คลื่นความถี่ทุกย่านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานบนเครือข่ายที่ครอบคลุมมากขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา BNIC – Business Network Intelligence Center โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อออกแบบบริการและนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละบุคคลได้มากขึ้น มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึก คาดการณ์ และวางแผนการบริหารจัดการอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องการขยายเครือข่ายและเพิ่มสัญญาณแบบเจาะลึกเฉพาะพื้นที่ทั่วประเทศ และการให้บริการลูกค้าด้วยการมีปฏิสัมพันธ์แบบเฉพาะบุคคล สามารถให้บริการเชิงรุก ตลอดจนเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง และส่งมอบบริการแบบไร้รอยต่อในทุกช่องทาง (Omnichannel) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า อาทิ การให้บริการลูกค้า โดยวางแผนนำเทคโนโลยี AI วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้ทีมงานบริการลูกค้าสามารถแนะนำบริการที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังจะยกระดับผู้ช่วยอัจฉริยะ Mari AI โฉมใหม่ ที่พัฒนาขึ้นจากการผนวกเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ (Humanoid) เข้ากับเทคโนโลยี AI สามารถให้ข้อมูลและแนะนำบริการได้อย่างรวดเร็วแบบอัตโนมัติ รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นหนึ่งเดียว (One Application) ที่จะครอบคลุมทั้งข้อมูลและบริการหลังการขายต่างๆ
ขณะที่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเติมเต็มวิถีชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน เพื่อเป็น No.1 Digital Growth Champion ทรูได้มีการเปลี่ยนการสื่อสารบนมือถือสู่การเติมเต็มไลฟ์สไตล์ (Mobile to Lifestyle) ผ่านบริการดิจิทัลที่หลากหลายและสิทธิประโยชน์ที่ตรงไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล อาทิ ทรูไอดี (TrueID) ที่ได้คัดสรรคอนเทนต์ความบันเทิงต่างๆที่ลูกค้าชื่นชอบ และยังสามารถวิเคราะห์พิกัดพื้นที่ที่ลูกค้าใช้บริการ (Location-based) เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษตรงไลฟ์สไตล์ให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล ส่งตรงถึงลูกค้าในพื้นที่ได้ทันที โดยนำเสนอคอนเทนต์และสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่ที่สนุกและดูง่ายในแบบวิดีโอสั้น
มีการเปลี่ยนบรอดแบนด์สู่การเติมเต็มชีวิตอัจฉริยะในบ้าน (Broadband to Smart Living) สร้างประสบการณ์ดิจิทัลใหม่ๆ ในการทำงาน เรียน บันเทิง และการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและปลอดภัยภายในบ้าน และ เปลี่ยนระบบทีวีแบบเดิมๆเป็นสตรีมมิง (Linear TV to Streaming) ส่งตรงสาระและความบันเทิงจากหลากหลายคอนเทนต์ระดับโลกถึงมือผู้บริโภคให้เลือกรับชมได้อย่างจุใจทุกที่ทุกเวลา ผ่าน ทรูไอดี ทรูวิชั่นส์นาว และอีกหลากหลายแอปพลิเคชันชั้นนำ
นอกจากนี้ ทรู ยังนำดิจิทัลโซลูชันที่หลากหลาย ทรานสฟอร์มองค์กรธุรกิจ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร รวมถึงการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อพัฒนาและยกระดับบริการมาตรฐานสากล โดยผสานเทคโนโลยีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น AI, Machine Learning (ML) และ IoT พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เข้าสู่ศูนย์กลาง เพื่อจัดเก็บและนำไปใช้วิเคราะห์เชิงลึก (Data Analytics) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนรากฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทรานสฟอร์มองค์ธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร โรงงาน ธุรกิจค้าปลีก และที่พักอาศัย พร้อมตั้งเป้ารายได้จากบริการดิจิทัลโซลูชันเติบโตเป็น 2 เท่า ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยรูปแบบโมเดลธุรกิจในการดำเนินการและบริการแบบใหม่ อาทิ การให้บริการด้านต่างๆ ผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง (Everything-as-a-Service) และ แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent Data Platform) เป็นต้น
สำหรับการต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเพื่อเป็น No.1 Future-Ready Performanceในปี 2566 ที่ผ่านมา ทรูเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในด้านรายได้บริการและจำนวนลูกค้า อีกทั้งยังพัฒนาประสิทธิภาพและ EBITDA ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะเติบโตต่อเนื่องและทำกำไรในปี 2567 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือ การเดินหน้าส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านห่วงโซ่คุณค่าที่มีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานที่มีทักษะสูง รวมถึงการสรรหาความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัลของบุคลากรในองค์กรให้สามารถใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทในการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่เกิดจากความเข้าใจลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ตลอดจนสามารถส่งมอบความคุ้มค่าและอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
“เราเชื่อมั่นว่า การทรานสฟอร์มองค์กรอย่างรอบด้าน จะทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกๆวัน (Your Everyday Living-Tech) และส่งเสริมองค์กรธุรกิจให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งเสริมสร้างให้ทรูก้าวหน้าคู่กับสังคมไทยอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศทั่วโลก” นายมนัสส์ กล่าวสรุป