เอ็นไอเอร่วมกับ-สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทยจีน ผุดโปรแกรม “The Dragon” ตัวช่วยผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสร้างเครือข่ายธุรกิจในจีน เน้นสร้างความเข้าใจ แนวทางการทำธุรกิจของจีน ข้อกฎหมาย พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนจะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่ตัวเลขค่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP growth) ของปี 2566 ยังสามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5.2 ซึ่งเป็นไปตามคาดของรัฐบาลที่ตั้งไว้ร้อยละ 5 จึงสร้างความมั่นใจให้กับทั่วโลกถึงโอกาสการเติบโตของจีนทั้งจากปัจจัยการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ การส่งออก และการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม อีกทั้งยังมีปัจจัยสำคัญคือ การเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา การมีกำลังซื้อเบอร์ 1 ของโลกที่ตอกย้ำว่าจีนยังเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากต่อการส่งออกของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย
หากดูจากผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรม Global Innovation Index (GII) 2023 ที่ระบุว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในอันดับที่ 12 จาก 132 ประเทศทั่วโลก โดยจีนมีผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output) เป็นอันดับ 8 และปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input) อยู่อันดับ 25 ของโลก และยังถูกจัดอันดับคลัสเตอร์ในกลุ่มของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำหน้าสหรัฐอเมริกา มีผู้ลงทุนและนักวิทยาศาสตร์ในประเทศเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีอุทยานวิทยาศาสตร์และศูนย์กลางนวัตกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาจีนยังได้มีการประกาศเป้าหมายการเป็นเจ้านวัตกรรมโลกและขับเคลื่อนการบริโภคด้วยนวัตกรรมไฮเทค รวมถึงการเพิ่มงานวิจัยและบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ จากความเด่นชัดเหล่านี้จึงเป็นโอกาสสำหรับไทยในการนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในจีน รวมถึงการเรียนรู้ทักษะจำเป็นในฐานะประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรมโลก
ดร.กริชผกา กล่าวว่า NIA เล็งเห็นความสำคัญและโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางนวัตกรรมกับจีน จึงได้ร่วมกับสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ซึ่งเป็นการรวมตัวระหว่าง เครือข่ายนวัตกรรม สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ และเจ้าของธุรกิจ ในการเชื่อมโยงกับคู่ค้าจีนผ่านโปรแกรม The Dragon ซึ่งมีการออกแบบเนื้อหาของหลักสูตรที่ เสริมสร้างนวัตกรรมร่วมกันของทั้งสองชาติ ศึกษาวัฒนธรรมการทำธุรกิจของจีนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน จนสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของตนได้ เกิดเครือข่ายผู้นำธุรกิจนวัตกรรมไทย-จีน และนำไปสู่ความร่วมมือที่เกิดประโยชน์มากมายสำหรับทั้งสองประเทศในอนาคต อีกทั้งยังจะทำให้เข้าใจถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาด คู่แข่ง ลูกค้าในจีน แนวทางการหาพันธมิตรในท้องถิ่น ข้อกฎหมายจีน รวมทั้งช่วยชี้ช่องโอกาสสำหรับธุรกิจนวัตกรรมที่ต้องการเติบโตในต่างประเทศ
“แม้ว่าจีนจะมีนโยบายการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงโอกาสของกลุ่มสินค้าที่ไทยยังคงสามารถส่งออกหรือทำตลาดในจีนได้อย่างต่อเนื่อง คือ กลุ่มสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน สินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าโอทอป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสินค้าที่จีนยังไม่สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอ แต่สินค้าเหล่านี้ควรผ่านการออกแบบผลิตภัณฑ์ – บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งควรใช้นวัตกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบ และสอดรับกับตลาดที่แข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ ในส่วนของสินค้านวัตกรรมขั้นสูงที่มีโอกาสทำตลาดในจีนได้คือ นวัตกรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมขั้นสูง เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ แผงวงจรรวมที่นำไปใช้กับยานยนต์ รวมทั้งการผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้า”
ด้าน รศ. ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและจีน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2536 ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการร่วมมือเพื่อความสงบและเสถียรภาพของภูมิภาค ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับสูง และเป็นสะพานเชื่อมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการทูตทางเศรษฐกิจ เพราะความสำเร็จในการทำธุรกิจกับจีน ไม่สามารถเกิดได้จากการเจาะตลาดอย่างผิวเผิน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจทางวัฒนธรรมและสร้างความไว้วางใจอย่างแท้จริง
“การสนับสนุนจาก NIA ถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมระดับประเทศ เป็นการเปิดตัวความร่วมมือใหม่ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย-จีนไปอีกขั้นด้วย โปรแกรม The Dragon ที่ถูกออกแบบมาไม่เพียงแต่เน้นย้ำการสร้างเครือข่ายการค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยเปิดประสบการณ์การค้าและการลงทุนในจีนสำหรับนักธุรกิจไทย และสร้างความเข้าใจวัฒนธรรมและการสร้างความสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตามแบบฉบับของจีนที่ยึดหลักครอบครัวและมิตรภาพก่อนการค้า”
สำหรับโปรแกรม The Dragon เป็นหลักสูตรที่มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีชื่อเสียง และเคยทำธุรกิจร่วมกับจีน เช่น นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล นายพินิจ จารุสมบัติ และนายวิชัย (Wichai Kinchong Choi) มามอบความรู้ ความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจีนในการทำธุรกิจต่าง ๆ และยังมีวิทยากรจาก NIA ที่จะพูดถึงการสร้างนวัตกรรมข้ามประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทที่ NIA จะช่วยให้เข้าใจระบบนวัตกรรมธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ และหลักคิดธุรกิจฐานนวัตกรรม IBE เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปประยุกต์พัฒนาธุรกิจให้เกิดนวัตกรรมร่วมกับธุรกิจจีนได้ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมศึกษาดูงานบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงในเมืองเฉิงตูและเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 มิถุนายน 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ www.dragondialogue.space หรือติดต่อคุณสิรินุช (ป๊อป) เบอร์ 086-397-3158 หรืออีเมล info@dragondialogue.space