อาลีบาบากรุ๊ปเผยผลประกอบการไตรมาส 4ปี 63 รายได้รวม1,027,080 ล้านบาท เพิ่ม 37 % ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 24 % ผลจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวเร็วและมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ประสบความสำเร็จ
วันนี้(3ก.พ.64) อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เผยผลประกอบการไตรมาส 4 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2563 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 33,883 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,027,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ส่วนจำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 779 ล้านคน โดยเมื่อไตรมาส 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 22 ล้านคน จากไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563
นอกจากนี้จำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 902 ล้านคน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 21 ล้านคน จากเดือนกันยายน 2563 ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,510 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 227,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า
“แดเนียล จาง” ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโตทาง GDP อาลีบาบาจึงมีผลประกอบการที่ดีเนื่องมาจากการฟื้นตัวที่รวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับเป็นอีกหนึ่งปีที่มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ประสบความสำเร็จ ด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และไม่ลืมที่จะสนับสนุนให้ร้านค้าสามารถฟื้นตัวได้จากภาวการณ์ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเริ่มได้ส่วนแบ่งทางการตลาดและมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใส สะท้อนให้เห็นศักยภาพของธุรกิจคลาวด์ในจีนที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานและการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เราทุ่มเทมาหลายปีไม่ศูนย์เปล่า เรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา และบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม”
ด้าน “แม็กกี้ วู” ประธานกรรมการฝ่ายการเงิน อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ เป็นอีกไตรมาสที่ธุรกิจของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีกระแสเงินสดมากพอให้เราสามารถลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์”
“เราพึงพอใจที่ธุรกิจอาลีบาบาคลาวด์มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เป็นบวกในไตรมาสนี้และไช่เหนียวเน็ตเวิร์กมีกระแสเงินสดเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ตอกย้ำว่ากลยุทธ์ระยะยาวของอาลีบาบาทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดกำไร”