เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 บริษัท เอ็นทีที โดโคโม (NTT DOCOMO) ร่วมกับกลุ่มบริษัทชั้นนำประกาศร่วมกันว่าได้ร่วมกันลงนามข้อตกลงพื้นฐานจัดตั้ง 5G Consortium ครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ 5G Global Enterprise Solution Consortium (5GEC) พร้อมประกาศแผนผนึกกำลังพันธมิตรเพิ่มเติม ขยายการจัดตั้งเครือข่ายสู่ประเทศต่างๆ ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง 5GEC ในขั้นต้น ประกอบด้วย บริษัท แอคทิวิโอ อิงค์, บริษัท เอจีซี อิงค์, บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท เอ็กซีโอ เอเซีย จำกัด, บริษัท ฟูจิตสึ จำกัด, บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โมบาย อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น, บริษัท เอ็นอีซี เน็ทเวอร์คส์ แอนด์ ซิสเต็ม อินเตเกรชั่น คอร์ปอเรชัน, บริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด, เอ็นทีที เดต้า อินสติทิวส์ ออฟ แมนเนจเม้นท์ คอนเซาท์ติ้ง อิงค์, บริษัท เอ็นทีที โดโคโม อิงค์ และ บริษัท เอ็นทีที จำกัด
ในขณะที่องค์กรชั้นนำระดับโลก มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการของหน่วยธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ภารกิจหลักของ Consortium จึงเน้นประสานความแข็งแกร่งและจุดเด่นของเทคโนโลยีเครือข่าย รวมทั้งเครือข่ายด้านการตลาดและการขายของกลุ่มสมาชิก เพื่อให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพแก่องค์กรในการพัฒนาโซลูชั่นต่างๆ บนเครือข่าย 5G โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Private Network ที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยสูง แยกการทำงานเป็นอิสระจากเครือข่ายสาธารณะที่ให้บริการโดยผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น
สำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมจะได้รับบริการบนเครือข่าย 5G แบบ Private Network และบริการด้านการจัดการ (Managed Services) ที่เกี่ยวข้องครบวงจร รวมทั้งได้ใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเด่นของเทคโนโลยี 5G อาทิ Enhanced Mobile Broadband (eMBB), Ultra Trusted Low Latency Communications (URLLC) และ Massive Machine Type Communications (mMTC)
5GEC วางแผนทดสอบและสาธิตระบบการให้บริการในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 และคาดว่าจะเริ่มให้บริการบนเทคโนโลยี 5G อย่างเป็นทางการได้ในปี 2565 โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตและกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทย ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายขยายความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรไปสู่ตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากมีฐานกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่มีความต้องการสูงในการเปลี่ยนผ่านองค์กรภายใต้แนวคิด Digital Transformation
ความร่วมมือในครั้งนี้ ได้นำจุดเด่นของเทคโนโลยี Open Radio Access Network (O-RAN) ของ NTT DOCOMO ผู้นำเทคโนโลยีอินเทอร์เฟซระบบเปิดที่สามารถขยายและรองรับสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่หลากหลายความถี่ในแต่ละประเทศ และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้ Consortium สามารถให้บริการเครือข่าย 5G แบบ Private Network ที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพรองรับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม
Consortium มุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาด้านการใช้งานเครือข่ายให้ภาคธุรกิจและสังคม ด้วยการให้บริการเครือข่ายไร้สาย 5G มาตรฐานระดับโลก พร้อมมีส่วนร่วมในการช่วยภาคธุรกิจ โดยเฉพาะองค์กรที่มีหน่วยธุรกิจและการดำเนินงานในต่างประเทศ ก้าวเข้าสู่ Digital Transformation ได้อย่างสมบูรณ์แบบ