กรมวิทย์ฯ บริการ ผนึก 3 หน่วยงานหนุนวิจัยลดควันดำและ PM2.5

News Update

กระทรวงอว.โดยกรมวิทย์ฯ บริการ ผนึก 3 หน่วยงาน หนุนวิจัยลดควันดำและ PM2.5 ได้กว่า 50 % สร้างอากาศสะอาดเพื่อคนไทย

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานและสักขีพยาน งานบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและสร้างอากาศสะอาดเพื่อคนไทย ซึ่งลงนามโดย กรมวิทยาศาสตร์บริการ ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ,สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น1 อาคารพระจอมเกล้าฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

นางสาวศุภมาสฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2567 และท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อการดำเนินการทุกด้านเพื่อเร่งแก้ปัญหา PM2.5 ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการ PM2.5 แห่งชาติ และมอบหมายให้ทุกกระทรวงเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี กระทรวง อว. จึงมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา PM 2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยทั้งประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหากยังไม่ได้รับการแก้ไข กระทรวง อว. จึงเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเน้นการทำงานเชิงรุก ใช้กลไกและกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ทุกหน่วยงานนำไปปรับใช้เพื่อกำหนดมาตรการให้มีความเข้มข้นและเป็นรูปธรรม

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 จากภาคจราจรมีสาเหตุหลักเกิดจากไอเสียรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลเก่าที่ยังไม่ได้มาตรฐานไอเสียยูโร 5 ทางภาคีเครือข่ายงานวิจัยจึงได้ร่วมเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยใช้สารเติมแต่งเชื้อเพลิงที่มีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเมื่อเติมลงในน้ำมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ และลดฝุ่น PM2.5 ได้ โดยสารเติมแต่งนี้สามารถผลิตได้จากสารตั้งต้นที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิต ซึ่งเตรียมได้จากปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง หรืออ้อย ดังนั้นงานวิจัยนี้นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ยังช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green economy) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยจากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรมาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม

ซึ่งการลงนามครั้งนี้ฯ ถือเป็นการเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมที่จะร่วมกันสนับสนุนการวิจัยพัฒนานวัตกรรมการลดควันดำและฝุ่น PM2.5 ของเครื่องยนต์ดีเซล ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนา ต่อยอด และหาแนวทางการดำเนินการเพื่อก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสาธารณประโยชน์ต่อไป เพื่อเดินหน้าคืนอากาศสะอาดให้กับประชาชนในทุกมิติ