ดีแทค เผยกลยุทธ์ปี64 ช่วยผู้ใช้งานมือถือให้พร้อมสร้างโอกาสจากเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ตอบโจทย์ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ พร้อมขยายให้บริการ 5G และ 4G รับความต้องการเฉพาะที่แตกต่างไปในแต่ละกลุ่มผู้ใช้งาน
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า การเชื่อมต่อสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคน และสร้างสังคมไทยให้แข็งแกร่งผ่านการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคือจุดมุ่งหมายที่ผลักดันทิศทางการดำเนินธุรกิจของดีแทค นอกจากบริการการสื่อสารไร้สายทั้ง 5G และ 4G ในราคาที่เหมาะสมแล้ว ดีแทคยังพัฒนาบริการใหม่หลากหลายที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านผู้ใช้งานสู่ชีวิตดิจิทัล ด้วยโครงข่ายที่ยืนหยัดทุกสถานการณ์ มีการขยายสัญญาณเน็ตความเร็วสูงเพื่อทุกคน และพร้อมลุยเดินหน้า 5G
นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทคโนโลยี ดีแทค กล่าวว่า มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมของปี 2563 ได้พลิกโฉมการใช้มือถือของประเทศไทย การใช้งานดาต้าในส่วนภูมิภาคโตมากกว่าการใช้งานในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ถึง 9 เท่า สอดคล้องกับทิศทางการเพิ่มขึ้นของการใช้งานสมาร์ทโฟนเร็วขึ้น ในส่วนภูมิภาคซึ่งเติบโตเร็วกว่ากรุงเทพฯ ถึง 3 เท่า ดีแทคจึงได้เร่งนำคลื่นความถี่ 700 MHz มาให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยตั้งเป้าจะขยาย 4,400 สถานีฐานทั่วประเทศภายในไตรมาสที่ 1/2564 ซึ่งคลื่น 700 MHz หรือคลื่นความถี่ต่ำ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น โดยดีแทคเปิดให้บริการ 5G และ 4G บนคลื่น 700 MHz ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ทำให้สามารถใช้งานคลื่นเดียวทั้ง 5G และ 4G โดยไม่ต้องแบ่งแบนด์วิดท์ด้วยประสิทธิภาพเต็มที่สูงสุด
ทั้งนี้ ดีแทคกำหนดกลยุทธ์การออกแบบโครงข่ายโดยดูที่พฤติกรรมและแนวโน้มการใช้งานของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี โดยจากข้อมูลของปีที่ผ่านมา เราจะเห็นพฤติกรรมลูกค้า 4 กลุ่ม คือ 1. เน็ตภูธรหน้าใหม่ (THE NEW RURALS) เพราะปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคเพิ่มขึ้นทั้งจากการย้ายถิ่นฐานของคนเมืองและการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของชุมชน 2. ขยันผ่านเน็ตทางไกล (THE REMOTE DESKERS) กลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปรับตัวรับกับความปกติใหม่ โดยใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อสร้างผลผลิตและการทำงานร่วมกันแม้อยู่คนละพื้นที่ ตามข้อมูลม.ค. 2563-ม.ค.2564 พบว่า งาน Zoom เพิ่มขึ้น 5050% และ Google Hangouts 740% ดีแทคยกระดับประสบการณ์ด้วยคลื่น 700 MHz ที่ให้บริการ 5G และ 4G ครอบคลุมในอาคารสูงและพื้นที่ห่างไกล รวมถึงชุมชน
3. อยู่ติดบ้านด้วยเน็ตบันเทิง (THE NON-STOP STREAMER) จากสถานการณ์ล็อกดาวน์ พบว่ากลุ่มผู้ใช้งานที่ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านแอปพลิเคชันเพื่อบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง และช้อปปิ้งออนไลน์ ผ่านแอปเพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น อาทิ YouTube และ TikTok ดีแทคเร่งขยายเทคโนโลยี 5G-ready massive MIMO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้น 3 เท่า และเปิดให้บริการ 4G-TDD บนคลื่น 2300 MHz (ให้บริการบนคลื่น NT หรือ ทีโอที เดิม) อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประมาณ 20,400 สถานีฐาน และ 4. เน็ตคือหัวใจสำคัญ (THE CRITICAL USER) กลุ่มผู้ใช้งานที่พึ่งพาระบบอินเทอร์เน็ตเป็นหลักในการปฏิบัติภารกิจ ให้บริการแก่ประชาชนและชุมชน เช่น โรงพยาบาลและบริการฉุกเฉิน รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจ เป็นต้น ด้วยระบบชุมสาย Virtual Core Network 100% พร้อมรองรับเทคโนโลยีทันสมัยและนวัตกรรมการสื่อสารแห่งอนาคต
นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด ดีแทค กล่าวว่า เทรนด์ผู้บริโภคที่สำคัญ 5 ประการที่สนับสนุนการใช้มือถือในยุคนี้ คือ 1. Digital-First Experiences เน้นการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคแบบ Digital First เพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตตามที่ต้องการในทุกช่วงเวลา เช่น การซื้อทางออนไลน์และการรับสินค้าในร้าน การให้บริการในภาษาเดียวกับลูกค้า เช่น WeChat mini program แอปในภาษาจีน ดีแทคแอป ภาษาพม่า และรวมถึงรูปแบบการสื่อสารใหม่ถึงลูกค้า เช่น Facebook Live และ Tik Tok 2. Digital Inclusion สร้างอัตราเร่งสู่ดิจิทัล ดีแทคจึงออกแบบประสบการณ์ดิจิทัลที่คุ้มค่าให้กับทุกคน ซึ่งรวมถึง กลุ่มผู้ใช้งานแรงงานต่างด้าว ผู้ใช้งานในต่างจังหวัด ดีแทคยังได้เน้นใช้ช่องทางดิจิทัลในดีแทคแอป โดยมีกิจกรรมจาก dtac reward สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน ที่สามารถสะสม dtac reward Coins แลกสิทธิพิเศษได้อย่างคุ้มค่า
3. 360-degree Personalization ใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ ออกแบบข้อเสนอที่ตอบสนองปัจเจกบุคคลให้รอบด้าน ในเวลาและสถานการณ์ที่ผู้บริโภคต้องการ ลูกค้าคาดหวังข้อเสนอที่ใช่ ในเวลาที่ต้องการ และสถานที่ที่ถูกต้อง การใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำให้ดีแทคมอบข้อเสนอบริการ เฉพาะในรายบุคคลซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าข้อเสนอทั่วไปมากถึง 3 เท่า ทำให้การใช้งานดีแทคแอปรายเดือน เติบโตขึ้น 40% ในปีที่ผ่านมา 4. New Business Normal โมเดลธุรกิจวิถีใหม่ ที่รวมพลังพันธมิตรเข้าด้วยกันเพื่อยึดโยงผู้บริโภค ดีแทคจึงแสวงหาความร่วมมือเพื่อนำเสนอบริการใหม่ๆ แก่ลูกค้า เช่น ประกันสุขภาพ ส่วนลดร้านขายยาที่ได้รับอนุญาต หรือการโอนเงินที่มั่นใจได้ บริการเหล่านี้ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางดิจิทัลให้กับผู้ใช้งาน และ 5. Trust Matters แบรนด์ที่มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ คิดดี ทำดี ไว้ใจได้ในทุกบริการ เพื่อให้เกิดความสบายใจสำหรับผู้ใช้ดิจิทัล แบรนด์ต้องได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ดีแทคยังประกาศความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้สังคมไทยสามารถยืนหยัดได้ในทุกสถานการณ์ และดำเนินธุรกิจด้วยความเชื่อมั่น โดยเปิดตัวโครงการดีแทค เน็ตทำกิน (Net for Living) ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มล่าสุด ที่ช่วยฝึกอบรมผู้ค้ารายย่อย 100 ราย ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และขยายผลให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีรายได้น้อยให้สามารถประกอบธุรกิจค้าขายได้บนพื้นที่ออนไลน์ มุ่งมั่นช่วยเพิ่มรายได้ครัวเรือนจากพื้นที่ขายออนไลน์ 15% ต่อปี สำหรับเยาวชน ดีแทคจะยังคงดำเนินโครงการ Safe Internet ซึ่งได้สอนทักษะด้านดิจิทัลให้กับนักเรียนและครูในปีนี้อีก 200,000 คน อีกทั้ง ล่าสุดดีแทคมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลง 50% ให้ได้ตามเป้าหมายในปี 2573