“เช็คฝุ่น” ผลพลอยได้จากเทคโนโลยีอวกาศกับการตรวจวัดมลพิษในสิ่งแวดล้อม

Cover Story

               ฝุ่นมาแล้ว !  ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลที่ต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่าง PM 2.5   อีกครั้ง

              ด้วย “PM 2.5” เป็นภัยร้ายขนาดจิ๋วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เล็กมากขนาดที่ขนจมูกยังไม่สามารถกรองได้  ทำให้เมื่อสูดดมเข้าไปสามารถเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม มีเสมหะ หากสะสมเป็นเวลานานอาจเป็นปัจจัยให้เกิดมะเร็งปอดในที่สุด  นอกจากนี้บางอนุภาคของ PM2.5 อาจเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น   ๆ ตามมา เช่น เส้นเลือดสมองตีบ และ หัวใจวายเฉียบพลันได้

              การอยู่ในพื้นที่ ที่มี PM 2.5 เกินมาตรฐานย่อมก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ  ดังนั้นหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษให้หมดไปได้  “การแจ้งเตือน”  เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงต่อสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

              และเป็นที่มาของการพัฒนา  แอปพลิเคชัน “ เช็คฝุ่น ” ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)  หรือ GISTDA   ที่เป็นผลพลอยได้จากการวิจัย และเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในการตรวจวัดเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในสิ่งแวดล้อม  

              ดร.ปกรณ์  เพ็ชรประยูร  ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ ของ GISTDA  เปิดเผยว่า ปัจจุบันข้อมูลการตรวจวัดจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษามลพิษในสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ เนื่องจากเทคโนโลยีดาวเทียมสามารถตรวจวัดและบันทึกข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอ  และตรวจวัดได้เป็นวงกว้างในทุกพื้นที่  เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ตอบโจทย์เรื่องการบริหารจัดการการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ ได้  และลดข้อจำกัดของการใช้เครื่องมือตรวจวัดภาคพื้นดินที่แม้จะมีความแม่นยำสูงในบริเวณที่ติดตั้ง แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

              ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมอย่างจริงจัง โดยใช้ดูทุกเรื่องตั้งแต่ ทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตร สิ่งแวดล้อม ภัยพิบัติ  รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประเมินเรื่องการดูดซับคาร์บอน  สำหรับทวีปเอเชีย ประเทศไทยถือเป็นผู้นำเรื่องการใช้ประโยชน์จากดาวเทียม โดยเฉพาะ GISTDA ที่มีการผลักดันการสร้างแอปพลิเคชันเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียม  และเรียกได้ว่าเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่องการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่สามารถดูได้ทั้งพื้นที่เกษตร  ทะเล   ภัยพิบัติ น้ำท่วม  เรื่องคาร์บอน  รวมถึงจุดความร้อนต่าง ๆ

              ทั้งนี้ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีอวกาศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว   ดาวเทียมมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถตรวจวัดได้แบบละเอียดและลงลึกมากขึ้น  ซึ่งจะช่วยตอบปัญหาในบางเรื่องที่เรายังหาคำตอบไม่ได้  อย่างเช่น  ฝุ่นจิ๋ว PM2.5   ที่นอกจากเราจะใช้ดาวเทียมในการตรวจวัดปริมาณฝุ่นแล้ว   ยังรวมไปถึงใช้ในการศึกษาองค์ประกอบของฝุ่นในแต่ละพื้นที่ แต่ละช่วงเวลา   เพื่อรู้ถึงแหล่งที่มา และเข้าใจ “ พฤติกรรมของฝุ่น”   เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา PM2.5 ในอนาคต

              ดร.ปกรณ์    กล่าวว่า   เทคโนโลยีดาวเทียมทำให้เราเห็นในสิ่งตามองไม่เห็น และเป็นการเห็นแบบองค์รวม GISTDA  มีการเก็บข้อมูลจากดาวเทียมมามากว่า   20  ปี  และเริ่มตรวจวัดเรื่องฝุ่นมาประมาณ 7 ปี  เมื่อเรารู้จักเรื่องฝุ่นแล้ว ข้อมูลดาวเทียมที่โคจรรอบโลกมากว่า  20  ปี ได้มีการบันทึกข้อมูลไว้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อย้อนหลังดูพฤติกรรมของฝุ่นที่เกิดขึ้นในอดีต  จะพบว่าพฤติกรรมของฝุ่นเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง   และทำให้เห็นผลกระทบในระยะยาวของฝุ่นที่มีต่อสุขภาพของคนไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก

               การศึกษา “ฝุ่น”  ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม  ซึ่งดูปริมาณความเข้มข้นของ  PM2.5  จึงเป็นการมอนิเตอร์ให้คนระวังเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ  โดยแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน  “เช็คฝุ่น”  

              เป้าหมายเรื่องฝุ่น ของ GISTDA   ไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น”   เพื่อแจ้งเตือนประชาชน  แต่เป้าหมายที่แท้จริง คือ การมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดาวเทียม ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ช่วยในการวางแผนเชิงนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล และทำได้จริง  

              สำหรับแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” มีการเปิดตัวเมื่อ  2 ปีที่ผ่านมา   GISTDA  ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อมูลฝุ่นมีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น   โดยมีฟีเจอร์หลัก  คือ  ดูปริมาณฝุ่น PM2.5  ณ ตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้งาน   ดูข้อมูลฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชม. ตามมาตรฐานการรายงานคุณภาพอากาศ หรือสามารถดูค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงได้ เพื่อวางแผนทำกิจกรรมประจำวัน  มีการสรุปเป็นรายอำเภอ รายจังหวัด นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี  AI  ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของฝุ่น กับปัจจัยต่าง ๆ เพื่อพยากรณ์อนาคต  ซึ่งปัจจุบันสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้  3-4 ชั่วโมง   

              ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นได้ตลอดเวลา    โดยในช่วงที่ประเทศไทยประสบปัญหา PM2.5  จำนวนมากในแต่ละปี พบว่ามีผู้เข้ามาใช้บริการแอปกว่า 2 แสนครั้งต่อวัน

              อย่างไรก็ดี…ในช่วงที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหามลพิษทางอากาศให้หมดไปจากประเทศไทยตามจุดมุ่งหมาย   GISTDA  มีแผนพัฒนาแอปพลิเคชัน “ เช็คฝุ่น” เพิ่มเติม ซึ่งนอกจากจะขยายพื้นที่การใช้งานไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคแล้ว  ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มเติมสำหรับผู้พิการทางสายตา ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในการเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5  ได้ โดยจะมีการเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้

              ผู้สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “ เช็คฝุ่น ” ได้ทั้ง iOS และ Android เพียงค้นคำว่า “เช็คฝุ่น” ใน App Store และ Play Store