รองนายกฯ ประเสริฐ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า “โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต” ชู “ปากช่อง สมาร์ทซิตี้” ยกระดับงานบริการ ด้วย e-Document พร้อมเยี่ยมชม View Share Farm ต้นแบบการส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลเพื่อผู้พิการอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการติดตามความคืบหน้าโครงการ “Digital Korat: The Future Starts now – โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต” โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี นางสาวกัลยา ชินาธิวร ที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศกระทรวงดีอี นายพรรณธนู วรรณกางซ้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี นายอัฐฐเสฏฐ จุลเสฏฐพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ดีอี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ จังหวัดนครราชสีมา
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา กระทรวง ดีอี ได้จัดโครงการ “Digital Korat: The Future Starts now – โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต” ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบการทำงานแบบไร้กระดาษ (Paperless) ให้ประชาชนและหน่วยงานราชการภายในท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 2,000 คน พร้อมการลงนาม MOU ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ ในการขับเคลื่อนโครงการ โดยพบว่า หน่วยงานภายในจังหวัด มีความต้องการใช้ระบบจำนวน 343 หน่วยงาน มีจำนวนผู้ใช้งาน 15,219 บัญชี (users) และใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1,775 CA (Certification Authority)
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 4 เดือน กระทรวงดีอี ได้เร่งรัดโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแบบไร้กระดาษในหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้สถิติจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดดำเนินการ ส่งเสริมการใช้งานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ขับเคลื่อนการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) (โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน) ให้กับส่วนราชการต่าง ๆ ทุกกระทรวง และทุกจังหวัด เพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) และผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของแต่ละหน่วยงาน
ในโอกาสนี้ กระทรวงดีอี ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินโครงการ “Digital Korat: The Future Starts now – โคราช มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต” ที่เทศบาลเมืองปากช่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานของจังหวัดนครราชสีมา ที่เริ่มนำระบบ e-Document มาใช้ในหน่วยงานรัฐเป็นแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อลดการใช้เอกสารกระดาษ ปรับปรุงประสิทธิภาพและความโปร่งใสกระบวนการทำงาน รวมทั้งยกระดับการให้บริการแก่ประชาชน ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว เช่น การออกเอกสารสำคัญ การจัดเก็บข้อมูลทะเบียน และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถลดภาระงานเอกสารที่ซ้ำซ้อน ลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน รวมทั้งมีความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลของภาครัฐ ปัจจุบันเทศบาลเมืองปากช่อง มีบัญชีผู้ใช้งาน (user)จำนวน 120 บัญชี user และใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 CA
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการติดตามผลดำเนินการที่เทศบาลเมืองปากช่องที่เป็นเทศบาลขนาดใหญ่ และเริ่มใช้งานจริงแล้ว พบว่าในช่วงเปลี่ยนผ่านอาจยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล และข้อกฏหมายเกี่ยวกับพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ฯ ซึ่งทางกระทรวงดีอีจะมีการส่งทีมงานมาทำความเข้าใจและช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ อนาคตเทศบาลแห่งนี้อาจจะเป็นต้นแบบให้กับเทศบาลอีกหลายแห่งนี้ได้ดำเนินการตาม ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายในการก้าวเข้าสู่ความเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเป็นไปตามแผนงานยุทธศาสตร์ชาติที่ได้กำหนดไว้
“ สำหรับเรื่องการใช้บริการคลาวด์ ภายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ผมจะมีการคุยกับสำนักงบประมาณในการหาแนวทางที่เหมาะสมในการตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2569 เกี่ยวกับระบบคลาวด์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเก็บข้อมูลความต้องการใช้คลาวด์จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำมาหาแนวทางบริหารจัดการปริมาณการใช้งานคลาวด์ที่เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากมีการนำระบบคลาวด์มารวมไว้ที่เดียว อาจจะทำให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะสามารถใช้แบบ Pay Per Use หรือจ่ายเงินตามการใช้งานได้ และมีมาตรฐานเดียวกัน ทำให้สะดวกและง่ายต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานในอนาคต”
นอกจากกระทรวงดีอียังมีการลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการการยกระดับชุมชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ณ วิสาหกิจชุมชน @ View Share Farm ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการส่งเสริมการใช้งานดิจิทัลให้กับกลุ่มผู้พิการที่ประกอบอาชีพเกษตรแบบผสมผสาน ของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) โดยเป็นวิสาหกิจชุมชนที่บริหารจัดการโดยกลุ่มผู้พิการที่ประกอบอาชีพเกษตรแบบผสมผสาน มีการนำเทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะ พร้อมระบบ Smart Farm และตู้ควบคุมระบบน้ำเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยบริหารจัดการการให้น้ำ และปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้สำหรับปลูกเมล่อน สายพันธุ์ Golden Pink และพืชผักสวนครัวบนพื้นที่ 2 ไร่ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มคุณภาพของผลผลิตแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนและแรงงานได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดการสูญเสียผลผลิตได้มากถึง 70% พร้อมกับการนำเครื่องตั้งเวลาอัตโนมัติมาใช้ และติดตั้งโซล่ารูฟท็อป ผลิตกระแสไฟฟ้าในวิสาหกิจชุมชนบางส่วน ขณะเดียวกันดีป้า ยังได้เตรียมส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มการจัดการระบบบริหารจัดการโฮมสเตย์ ประกอบด้วยระบบการจอง ระบบการรับเงิน ให้กับทางวิสาหกิจชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบครบวงจร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับกลุ่มวิสาหกิจ @ View Share Farm เพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้นของผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง แต่ยังคงติดขัดปัญหาเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ เรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ต สัญญาณโทรคมนาคม รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งกระทรวงดีอี จะดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป
“กระทรวงดีอี พร้อมขับเคลื่อนการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแบบไร้กระดาษในหน่วยงานรัฐระดับภูมิภาค ทั้งการใช้งานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) การขับเคลื่อนการใช้งานระบบ e-Office ภายใต้งานบริการคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) (โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน) การวางโครงสร้างและยกระดับให้จังหวัดต่างๆ ที่มีศักยภาพ และความพร้อม ด้วยการวางโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างทั่วถึง สร้างสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างองค์ความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์ให้กับประชาชน และบุคลากรหน่วยงานรัฐ ต่อยอดไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงปลอดภัย ความเชื่อมั่นของประชาชนในการใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และยั่งยืน” นายประเสริฐ กล่าว