อว.โดย GISTDA ในฐานะ NATIONAL FOCAL POINT ของประเทศไทย ลงนามข้อตกลง Artemis Accords เป็นประเทศที่ 51 เปิดศักราชใหม่สู่การสำรวจอวกาศระดับโลก
วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA จัดพิธีลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ใน “Artemis Accords” ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านพลเรือนกับสหรัฐอเมริกาในการสำรวจอวกาศ ตามที่มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการลงนามข้อตกลง เมื่อวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2567 โดยมีมติให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เป็นหน่วยลงนามและหน่วยประสานงานหลักของประเทศไทย (National Focal Point) โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย Mr. Robert F. Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พล.ต.อ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ประธานกรรมการ GISTDA ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA ผู้แทนจาก NASA และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ Artemis Accords เป็นข้อตกลงสำคัญที่มุ่งเน้นการสำรวจและใช้งานอวกาศอย่างสันติ โดยลงนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2563 ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา อิตาลี ญี่ปุ่น ลักเซมเบิร์ก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร ร่วมลงนามเป็นสมาชิก ปัจจุบัน ข้อตกลงดังกล่าวมีสมาชิกร่วมลงนามแล้วจาก 50 ประเทศ และประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ 51 ของโลก สำหรับในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่ร่วมลงนามใน Artemis Accords ต่อจากประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ Artemis Accords ยังทำหน้าที่เสริมสร้างความร่วมมือใน Artemis Program เพื่อการสำรวจดวงจันทร์และอวกาศร่วมกับ NASA ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระดับสากล เป็นโอกาสของประเทศไทยในการสร้างโอกาสในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า “การลงนามในข้อตกลง Artemis Accords ถือเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ ในเรื่องของกิจการอวกาศของประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีอวกาศ เป็นเทคโนโลยีที่กระทรวง อว.ให้ความสำคัญกับผลักดันมาโดยตลอด การเข้าร่วมในข้อตกลง Artemis Accords ครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตจำนงค์ของประเทศไทยในการก้าวสู่เวทีอวกาศระดับโลก ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีอวกาศของประเทศ และสร้างโอกาสให้กับนักวิจัย นักศึกษา และผู้ประกอบการไทยในการเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมเสริมศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลกอย่างยั่งยืน”
ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า หลังจากนี้ประเทศไทยจะเข้าสู่ยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศอย่างเต็มตัว ซึ่งประเทศไทยต้องเร่งศึกษาและร่วมหารือกับ NASA อย่างใกล้ชิด พร้อมกับตั้งทีมงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านกฎหมาย ด้านการต่างประเทศ และด้านเทคนิค เพื่อนักวิจัยและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงภาคเอกชนในประเทศไทยมีส่วนร่วมในโครงการ Artemis อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง “GISTDA จะทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานหลักให้กับประเทศ” และจะเสนอโครงการ Artemis Thailand ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติตามขั้นตอนต่อไป
“ หลังจากลงนามในวันนี้ จะมีจัดตั้งคณะทำงาน จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐและเอกชน และมีการประชุมระดมสมอง เพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 1ปี และ คาดว่าประเทศไทยน่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการสำรวจดวงจันทร์และอวกาศ ใน 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดีการลงนามครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีอวกาศเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทยในเวทีโลก ทั้งในด้านวิชาการและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศให้ก้าวสู่ยุคแห่งการสำรวจอวกาศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาบุคลากร และสร้างธุรกิจอวกาศรองรับอย่างยั่งยืน”