“ เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะรวมทั้งหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่มีศักยภาพในระดับสากล และตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ การเกษตรและอาหาร ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์อัตโนมัติ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการภาครัฐและยกระดับภาคการศึกษาไทยโดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้และนวัตกรรม ”
นี่คือ…เป้าหมายสำคัญของ “แผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม” หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ด้วยภารกิจหลักของ บพข. คือ สนับสนุนทุนเพื่อทำให้งานวิจัยเกิดมูลค่าและสามารถนำไปใช้งาน เชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยและทำให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้

ผศ. ดร.วรรณรัช สันติอมรทัต ที่ปรึกษาแผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม บพข. และประธานคณะทํางานขับเคลื่อนงานวิจัยด้าน Semiconductor และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง กล่าวว่า แผนงานกลุ่มดิจิทัลฯ เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2563 พร้อมกับการก่อตั้ง บพข. โดยมุ่งเป้าใน 2 เทคโนโลยีหลักคือปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) เทคโนโลยีมาแรงที่มีความสามารถและฉลาดใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้นทุกที และเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่
ทั้งนี้การสนับสนุนกลุ่มเทคโนโลยี AI ในช่วงแรก บพข. เริ่มจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็นในการพัฒนา AI โดยในปี 2563 ได้สนับสนุนทุนให้กับมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ในการพัฒนา “แพลตฟอร์มข้อมูลเพื่องานด้านปัญญาประดิษฐ์ในสถานการณ์โควิด-19” ที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มและสถาปัตยกรรมข้อมูลระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถบูรณาการข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ และรองรับงานวิจัยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งโครงการได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า “Goliath” ที่เป็นระบบประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลสมรรถนะสูงที่เน้นการใช้งานบน GPU เปิดโอกาสให้นักวิจัย ผู้ประกอบการ นักศึกษา สามารถเข้าถึงและใช้งานชุดข้อมูลต่าง ๆ ได้
“ จากจุดเริ่มต้นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจุบันเริ่มมีการให้ทุนในการต่อยอดโมเดลหรือชุดข้อมูลที่ได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมรวมถึงภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคือ ภาคการผลิตที่ต้องปรับตัวรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ กลุ่มสุขภาพและการแพทย์ ที่มีการใช้เอไอในการช่วยสร้างแบบจำลอง วิเคราะห์และวินิจฉัยโรค และกลุ่มที่พัฒนาเอไอ เพื่อให้บริการในรูปแบบ as-a-Service เช่น สตาร์ทอัพต่าง ๆ”
ขณะที่ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ได้มีการสนับสนุนผู้ประกอบการใน Ecosystem ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ เพื่อผลักดันให้เกิดพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาสมาร์ทมิเตอร์ขึ้นใช้เองในประเทศเพื่อลดการนำเข้า นอกจากนี้ในแผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม ยังสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และการพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการทางด้านดิจิทัลอีกด้วย

สำหรับผลงานวิจัยเด่นที่ได้รับทุนสนับสนุนจากแผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อย่างเช่น Dronebox แพลตฟอร์มประมวลผลภาพโดรนผ่านระบบคลาวด์ ผลงาน “ผศ.ดร.ดวงเดือน อัศวสุธีกุน” จากบริษัท โดรน เอไอ โซลูชั่นส์ จำกัด โดยมี บริษัท แมพพิเดีย จำกัด เป็นผู้ร่วมทุน โดย Dronebox พัฒนาขึ้น เพื่อให้การประมวลผลภาพจากโดรนเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงได้บนระบบคลาวด์ สามารถสร้างภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกต้องตามภูมิศาสตร์ สร้างแบบจำลองความสูงดิจิทัล (DEM) เพื่อวิเคราะห์ภูมิประเทศ สร้างแบบจำลองสามมิติของพื้นที่หรือวัตถุที่สนใจ เป็นเครื่องมือสำหรับการวัดระยะทาง พื้นที่ และปริมาตร รองรับการทำงานร่วมกับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)

Senovate AI ดิจิทัลเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาประสิทธิภาพการผลิตโคนม ผลงาน “รศ.น.สพ.ดร.ชัยเดช อินทร์ชัยศรี” จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีบริษัทเลโนเวท เอไอ จำกัดเป็นหน่วยงานร่วมทุน โดยผลงานดังกล่าวเป็นการพัฒนาระบบและอุปกรณ์เซนเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวของวัว เหมาะสำหรับฟาร์มโคนมในเขตร้อนชื้น มีความแม่นยำสูงในการติดตามพฤติกรรมเพื่อบ่งชี้การติดสัดในโคเพื่อการผสมเทียม และบ่งชี้เมื่อโคมีปัญหาด้านสุขภาพเพื่อการรักษา ช่วยลดความสูญเสียจากปัจจัยทางสุขภาพและโอกาสในการผสมเทียมลดต้นทุนด้านอาหารสัตว์ ต้นทุนการผสมเทียม

และ ZTRUS แพลตฟอร์มสำหรับระบบงานเอกสารอัจฉริยะ ผลงาน “ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม” จากบริษัทแอ็คโคเมท จำกัด ที่นำเทคโนโลยีด้านการรู้จำตัวอักษรหรือ OCR กับเทคโนโลยีการสกัดข้อความในระดับความเข้าใจภาพเอกสาร เข้ามาช่วยลดปริมาณงานที่คนต้องทำงานซ้ำๆ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพัฒนา AI ช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจข้อมูลตามเกณฑ์เดียวกับที่ผู้ใช้งานใช้ตัดสินใจทำให้สามารถลดปริมาณงานของคนทำงานได้มากกว่าการอ่านเอกสารเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ดีในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แผนงานกลุ่มดิจิทัลแพลตฟอร์ม ได้สนับสนุนงบวิจัยและพัฒนา ประมาณ 150-200 ล้านบาทต่อปี รวมด้านโครงสร้างพื้นฐานด้วยราวๆ 600 ล้านบาท ปีละ 20-25 โครงการ โครงการส่วนใหญ่ 50 % จะเป็นด้านเอไอ อีก 30 % เป็นด้านเซมิคอนดักเตอร์ และอีก 20 % จะเป็นเทคโนโลยี อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
สำหรับแผนดำเนินงานปี 2568 ผศ. ดร.วรรณรัช กล่าวว่า บพข. ยังคงมุ่งเน้นใน 2 เทคโนโลยีหลักคือ เอไอ และเซมิคอนดักเตอร์ อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เปลี่ยนมุมให้ออกไปสู่การใช้งานมากขึ้น โดยในส่วนของ AI จะเน้น ในเรื่องของ Infrastructure for AI, AI for intelligence Manufacturing, AI for Digital Health, AI for Digital Tech as a Services และ AI for Smart City
นอกจากนี้ บพข. ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และชวนนักลงทุน มาร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มเอไอที่เป็นอีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยให้ SME พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือในการวิเคราะห์ตลาดต่าง ๆ ได้.