วันนี้ (19 มีนาคม 2564) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)จัดงาน “เปิดบ้านงานวิจัยและนวัตกรรม by NRCT” ครั้งที่ 3 โดยเปิดตัว “ศาสตราจารย์ ดร.เกศรา ณ บางช้าง” นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ประจำปี 2564 พร้อมเปิดเผยเส้นทางความสำเร็จในงานวิจัยที่ช่วยลดปัญหาของประเทศ
ดร. วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ เป็นรางวัลที่มอบให้นักวิจัยสัญชาติไทย และอุทิศตนให้แก่การวิจัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลงานวิจัยดีเด่นที่แสดงถึงความคิดริเริ่ม ทำสะสมกันมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งนี้ วช.ได้จัดงานเปิดบ้านงานวิจัยและนวัตกรรม by NRCT ขึ้นเพื่อเผยแพร่และเชิดชูนักวิจัยดีเด่น ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดไปแล้ว 2 ครั้ง โดยเปิดตัว 2 นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564 ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์วิปร วิประกษิต สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย
“สำหรับการจัดครั้งที่ 3ในวันนี้ วช.ได้เชิญ ศาสตราจารย์ ดร.เกศรา ณ บางช้าง นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564 ที่มีความเชี่ยวชาญสูงทางวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช และได้อุทิศตนในงานวิจัยด้านมาลาเรียและมะเร็งท่อน้ำดี มาพูดคุยสื่อสารเรื่องราวงานวิจัยผ่านสื่อมวลชน เพื่อสร้างการรับรู้และตระหนักรู้ถึงผลสำเร็จในงานวิจัยที่ครอบคลุมอย่างหลากหลาย”
ด้านศาสตราจารย์ ดร.เกศรา ณ บางช้าง นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564 กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานวิจัยว่า มาจากความสนใจศาสตร์การออกฤทธิ์ของยา ซึ่งเชื่อมโยงไปสู่การรักษาทางด้านการแพทย์ จึงกลายเป็นเส้นทางการวิจัยที่ท้าทายและมีโอกาสร่วมทีมกับนักวิจัยระดับโลก เนื่องจากเมื่อ 30-40 ปีก่อน มาลาเรียเป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะการดื้อยาของโรค โดยงานวิจัยได้ศึกษาจนเข้าใจพยาธิสภาพของเชื้อผู้ป่วย และยาต้าน เพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งสำเร็จด้วยดี
นอกจากนี้ ยังวิจัยพัฒนาหาวิธีวินิจฉัยโรคมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ชอบกินอาหารหมักดอง อาหารไม่ปรุงสุก สะสมนานเข้าก็ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งในท่อน้ำดี และมักพบอาการของผู้ป่วยในระยะสุดท้าย ดังนั้น งานวิจัยจึงมุ่งหาตัวบ่งชี้ในเลือดผู้ป่วยเพื่อวินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มต้น พร้อมพัฒนายาคุมโรค ขณะนี้งานวิจัยอยู่ในระยะที่ 2 และ 3 เพื่อให้ได้ข้อพิสูจน์ในการพัฒนาตัวยารักษาที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าว เป็นการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ท้าทายและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ช่วยแก้ปัญหาของประเทศในการลดอุบัติการของโรค ลดต้นทุน ปลอดภัยต่อสุขภาพ และคนไทยได้เข้าถึงตัวยามากที่สุด จนทำให้ผลงานและนักวิจัยได้รับการยอมรับ พร้อมเน้นย้ำถึงการทำวิจัยนั้น นักวิจัยต้องมีเป้าหมายชัดเจน มีความตื่นตัวตลอดเวลา ผลงานจะสามารถต่อยอดและใช้ได้จริง
อย่างไรก็ดีวช.เตรียมเปิดบ้านฯ ให้นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญาฯ พูดคุยครั้งต่อไป ในวันที่ 7 เมษายนนี้