อาลีบาบา กรุ๊ปเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ รายได้รวมเพิ่ม 64 % สร้างยอดขายออนไลน์ในระบบรวม 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ใช้ทะลุพันล้านคนต่อปี
วันนี้( 14 พฤษภาคม 2564 ) อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เผยผลประกอบการไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดย แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า อาลีบาบาบรรลุเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้เป็น 1 พันล้านคนต่อปีทั่วโลกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“ ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง อีโคซิสเท็มของเราทำยอดขายออนไลน์รวมได้ 1.2 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 37.6 ล้านล้านบาท)ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะคุณค่าที่แบรนด์มอบให้ลูกค้าและร้านค้า เรารู้สึกอิ่มเอมใจกับการบริโภคภายในประเทศจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่เกิดขึ้นในทุกแง่มุมของชีวิต เรามุ่งมั่นที่จะสรรหาประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูกค้าด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม เรายึดมั่นในพันธกิจ การทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกแห่งทั่วโลกในยุคดิจิทัล”
แม็กกี้ วู ประธานกรรมการฝ่ายการเงิน อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัททำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้สำหรับปี 2564 โดยมีการเติบโตด้านรายได้เพิ่มขึ้น 32% ไม่รวมรายได้ในส่วนของธุรกิจ Sun Art ที่เพิ่งควบกิจการมา รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะธุรกิจหลักมีการเติบโตที่แข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาลีบาบา คลาวด์ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) โตขึ้น 25% จากปีก่อนหน้า บริษัทฯ ลงทุนเพิ่มในธุรกิจใหม่ๆ และธุรกิจที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ
“เราคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตขึ้นมากกว่า 930,000 ล้านหยวน (ประมาณ 4.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2565 ด้วยศักยภาพในการแข่งขัน กำไรที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและปริมาณเงินหมุนเวียน เราจึงวางแผนไว้ว่าจะใช้กำไรและต้นทุนสำหรับงบประมาณปี 2565 เพื่อช่วยเหลือร้านค้าบนแพลตฟอร์มและลงทุนในธุรกิจใหม่และธุรกิจหลัก ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อและเจาะตลาดใหม่ๆ ”
สำหรับไฮไลท์ของธุรกิจในไตรมาสแรก สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564 พบว่า รายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 187,395 ล้านหยวน หรือ 28,602 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.1 แสน ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า หากไม่รวมรายได้ในส่วนของธุรกิจ Sun Art ที่เพิ่งควบกิจการมา รายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนหน้า เป็น 159,952 ล้านหยวน หรือ 24,413 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7.7 แสนล้าน บาท) ทั้งนี้มีจำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) ในตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 811 ล้านคน ใน ไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 เพิ่มขึ้น 32 ล้านคน จากไตรมาส 4 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และจำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 925 ล้านคน เมื่อเดือนมีนาคม 2564 เพิ่มขึ้น 23 ล้านคน จากเดือนธันวาคม 2563อย่างไรก็ดีอาลีบาบามีงบขาดทุนจากการดำเนินงาน (Loss from operations) อยู่ที่ 7,663 ล้านหยวน หรือ 1,170 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 37,214 ล้านบาท) เป็นผลมาจากการจ่ายค่าปรับให้กับสำนักงานบริหารจัดการกฎระเบียบตลาดแห่งรัฐของประเทศจีนตามกฎหมายป้องกันการผูกขาด (Anti-monopoly Law) หากไม่มีกรณีเรื่องค่าปรับ บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงาน (Income from operations) อยู่ที่ 10,565 ล้านหยวน หรือ 1,612 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 51,329. ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 48%
ส่วนไฮไลท์ของธุรกิจในปีงบประมาณ สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564 อาลีบาบา มีรายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 717,289 ล้านหยวน หรือ 109,480 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.4 ล้าน ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากไม่รวมรายได้ในส่วนของธุรกิจ Sun Art ที่เพิ่งควบกิจการมาในเดือนตุลาคม 2563 รายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อนหน้า เป็น 674,420 ล้านหยวน หรือ 102,937 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3.2 ล้าน ล้านบาท) มีจำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) ในอีโคซิสเท็มของอาลีบาบาเพิ่มขึ้น 1 พัน ล้านรายตามเป้าหมาย นับรวมผู้บริโภคในตลาดค้าปลีกของจีน บริการแพลตฟอร์มท้องถิ่น แพลตฟอร์มมีเดียและ เอนเตอร์เทนเมนท์ที่สูงถึง 891 ล้านราย และผู้ใช้ในต่างประเทศอีกประมาณ 240 ล้านราย จำนวนบริโภคประจำต่อปีในตลาดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 85 ล้านราย จาก 811 ล้านราย จากปีงบประมาณสิ้นสุดมีนาคม 2563 และมีจำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) ในตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 925 ล้านคน เมื่อเดือนมีนาคม 2564 เพิ่มขึ้น 79 ล้านคน จากเดือนมีนาคม 2563 และมียอดขายออนไลน์รวม (GMV) ในอีโคซิสเท็มของอาลีบาบาอยู่ที่ 8,119 ล้านหยวน หรือ 1,239 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 39,397 ล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ 2564 ซึ่งยอดขายหลักมาจากตลาดค้าปลีกจีน ตลาดค้าปลีกต่างประเทศและแพลตฟอร์มบริการท้องถิ่น มูลค่า 7,494 ล้านหยวน หรือ 1,144 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 36,370 ล้านบาท)