“จุรินทร์”ลงพื้นที่ตรวจ รพ. สนามบ้านวิทย์ฯ’ 224 เตียงรองรับผู้ป่วยพิการติด โควิด-19 พร้อมเปิดบริการ 1 มิ.ย. นี้
วันนี้ (26 พ.ค. 64) เวลา 10.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ซึ่งบูรณาการการทำงาน 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการบริหารจัดการเพื่อให้บริการผู้ป่วยพิการที่อายุระหว่าง 15-65 ปี ที่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19
ทั้งนี้จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอว. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมลงพื้นที่ ณ อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
นายจุรินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้ติดตามให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือผู้พิการ ในฐานะหน่วยงานสำคัญที่เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการโดยมีกระทรวง พม. เป็นเลขานุการโดยคณะกรรมการฯ ซึ่งได้มีมติในหลายเรื่องเช่น 1. มีมติขยายอายุบัตรประจำตัวผู้พิการต่อไปอีก 6 เดือน 2. ตั้งแต่ปีที่แล้วมีกองทุนคนพิการในการให้การสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอก ปลอดหลักทรัพย์ ได้มีมติหลักล่าสุดให้ขยายเวลาขอกู้เงินได้เพื่อไปประกอบอาชีพในช่วงวิกฤติโควิด จากหมดอายุวันที่ 31 พฤษภาคมต่อไปให้ถึง 30 กันยายน 2564 3.ผู้ที่เป็นหนี้กองทุนผู้พิการอยู่แล้วให้สามารถพักหนี้ได้ โดยสามารถพักหนี้ตั้งแต่ 31 มีนาคม 2564 ยืดไปได้อีกหนึ่งปีถึง 31 มีนาคม 2565 ซึ่งมีผู้ยื่นพักหนี้แล้ว 10,000 กว่าคนทั่วประเทศ
“และอีกเรื่องหนึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอให้ ศปก. ศบค.ได้ช่วยจัดลำดับความสำคัญในการได้รับวัคซีนให้กับผู้พิการทั่วทั้งประเทศให้ต่อจากผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรค เพราะผู้พิการจำนวนหนึ่งอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคแต่ยังมีอีก 800,000 คนทั่วประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้และควรได้รับการฉีดวัคซีนในลำดับต้น วันนี้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ตนและคณะกรรมการแห่งชาติทั้งหมดจะช่วยดูความพร้อมและช่วยประชาสัมพันธ์ โดยที่นี่จะเป็นต้นแบบในการดำเนินการต่อไปถ้ามีความจำเป็นในพื้นที่ต่างๆ ขอขอบคุณทั้ง 3 กระทรวง ทุกหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ที่ช่วยส่งเสริมให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีขอบคุณบุคลากรทุกท่าน ที่ทำให้ทุกอย่างมีความหวังสำหรับคนพิการ” นายจุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะให้การดูแลทั้งคนพิการและครอบครัว ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการกับผู้ป่วย COVID-19 โดยมีภารกิจสำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรองรับการดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ดังนี้ 1. ด้านอาคารสถานที่และการจัดสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ สนับสนุนโดย สวทช. กระทรวง อว. ซึ่งได้นำ 11 นวัตกรรมและระบบเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ป่วยระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลสนามฯ อาทิ รถเข็นบังคับระยะไกลส่งของให้ผู้ป่วย COVID-19 ทั้งจาก สวทช. และกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวีซี เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อและฆ่าเชื้อ ระบบ TTRS (เครื่องช่วยสื่อสารสำหรับคนหูหนวก) เปลปกป้อง (เปลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ) เป็นต้น
2. ด้านการแพทย์ อุปกรณ์การตรวจรักษา/เวชภัณฑ์ และหลักสูตรการอบรมเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย COVID-19 สนับสนุนโดย สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินภารกิจหลักในการรักษาอาการป่วยบนฐานของการเชื่อมประสานระบบเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการของคนพิการ และ 3.ภารกิจด้านสวัสดิการสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ และสิ่งของอุปโภคบริโภค สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวง พม. ทำหน้าที่ในการประสาน ส่งต่อ และให้ความช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการในระหว่างที่คนพิการและครอบครัวพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม รวมถึงวางแผนการให้ความช่วยเหลือและติดตามภายหลังคนพิการและครอบครัวหายจากอาการป่วยและปลอดเชื้อ COVID-19 เดินทางกลับสู่ครอบครัวและชุมชน
ด้านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่ทวีความรุนแรงและขยายวงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อประชากรไทยในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสและติดเชื้อ อีกทั้งยัง ขาดโอกาสในการเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีรายงานคนพิการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามทั่วไป หรือ Hospitel บางแห่งได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อความพิการเฉพาะด้านนั้นๆ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสำหรับคนพิการแห่งนี้ต้องใช้ผู้มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เป็นการบูรณาการงานร่วมกันเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง ในส่วนนี้ต้องการการดูแลคนพิการ
“กระทรวงสาธารณสุขโดยสถาบันสิรินธร มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการดูแลคนพิการจึงเข้ามาจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้ดูแลผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้พิการร่วมกันกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินที่ต้องจัดการแบบพิเศษให้ความสำคัญและรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์เสนอให้ ศปก. (ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 หรือ ศปก. ศบค. ให้วัคซีนกับผู้พิการในทุกกลุ่มทุกประเภท และมีความซับซ้อนว่าผู้ติดเชื้อในชุมชนบางครั้งเป็นคนในชุมชนเดียวกัน จึงได้มีการจัดการบ้านร้อยวิถี เพื่อไปดำเนินการบุคคลในกลุ่มนี้ ที่เป็นการจัดการพิเศษที่แตกต่างกับบุคคลอื่น”
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุน ทีมผู้ดูแลรักษา อันประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล ทีมสหวิชาชีพและเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงาน ที่เตรียมการวางระบบการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเหมาะสมกับความพิการ และสามารถติดตามถ่ายภาพเอกซเรย์ปอดอย่างต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาที่พักรักษาตัว รวมทั้งเตรียมแผนการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกรณีฉุกเฉิน โดยจัดเตรียมรถพยาบาลรองรับภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง โดยกระบวนการรับข้อมูลผู้ป่วยคนพิการจะมีการประสานงานรับเรื่องจากทั้งสายด่วนคนพิการ และสายด่วน 1668 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. กล่าวว่า กระทรวง อว.สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด-19 ด้วยการดำเนินงานแบบบูรณาการงานของ อว. โดยใช้องค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ยา และวัคซีน โดยได้พัฒนาวัคซีนป้องกันCOVID-19 สำเร็จ 3 ชนิด ด้วยเทคโนโลยีระดับเดียวกับนานาประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบในอาสาสมัครเป็นกระบวนการทดสอบในขั้นสุดท้าย คาดว่าปลายปีจะเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อจำหน่าย และแจกจ่ายในประเทศพร้อมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ สวทช. โดยนักวิจัยไบโอเทค ยังได้สังเคราะห์สารตั้งต้นยา ‘ฟาวิพิราเวียร์’ สำเร็จ ทดแทนวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ เหล่านี้ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของความก้าวหน้าในการพัฒนางานวิจัยของคนไทยเพื่อใช้ผลิตเป็นยาต้านโรคโควิด-19 รวมถึงได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และทุกภูมิภาค และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการในครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการทั้ง 3 กระทรวง ถือเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการแห่งแรกและเป็นอีกก้าวสำคัญของการทำงานที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
“กระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำของคนพิการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีงานวิจัยในหลายด้านที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนพิการ ทำให้มีความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้แต่ละหน่วยงานร่วมกันบูรณาการกันในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการ ที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยใช้ชื่อว่า “โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ” ใช้พื้นที่บริเวณห้องพักชั้น 5 ถึงชั้น 10 ของอาคาร สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 224 เตียง ซึ่งนอกจากความพร้อมด้านสถานที่แล้ว สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ยังได้นำ 11 ผลงานนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ เพื่อลดการแพร่กระจายและฆ่าเชื้อในพื้นที่โรงพยาบาลสนามฯ ขณะเดียวกันยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่คนพิการและครอบครัวด้วยเช่นกัน”
นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ตระหนักและมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยได้ร่วมกับองค์กรด้านคนพิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการเชื่อมโยงการให้ความช่วยคนพิการและครอบครัวที่เจ็บป่วยและได้รับผลกระทบในสถานการณ์ COVID-19 โดยได้ตั้งคณะทำงานช่วยเหลือคนพิการ ภายใต้ชื่อ ‘ทีมเรามีเรา’ ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ นักพัฒนาสังคม ตลอดจนผู้ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือคนพิการ เพื่อรับแจ้งเหตุ/เฝ้าระวัง ประสานส่งต่อ ดำเนินการและติดตามการให้ความช่วยเหลือคนพิการที่ติดเชื้อ COVID-19 ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยการประสานหาสถานที่รักษาพยาบาลตามอาการ ติดตามอาการและให้คำแนะนำปรึกษาในระหว่างรอเข้ารับการรักษาพยาบาล ให้คำแนะนำ เสริมกำลังใจ จัดส่งเครื่องอุปโภคบริโภคทางไปรษณีย์ วางแผนการติดตามและให้ความช่วยเหลือหลังจากได้รับการรักษาอาการป่วยเรียบร้อยแล้ว ผ่านการให้บริการศูนย์ช่วยเหลือสังคมสายด่วน 1300 และ สายด่วนคนพิการ 1479 รวมถึงแอปพลิเคชัน TTRS กรณีคนพิการทางการได้ยินและสื่อความหมาย เพื่อให้คนพิการได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมปราศจากการเลือกปฏิบัติอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ได้ประสาน ติดตามและให้กำลังใจคนพิการและครอบครัวกว่า 500 ราย พบว่าส่วนใหญ่ มีรายได้ไม่เพียงพอ มีปัญหาการว่างงาน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ขาดรายได้ และมีความวิตกกังวลจาก COVID-19 รวมถึงผู้ดูแลคนพิการที่ประสบปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลคนพิการ ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการบูรณาการการให้ความช่วยเหลือคนพิการและครอบครัวที่ติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น