Blendata (เบลนเดต้า) เปิดแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data แบบครบวงจร ตอบสนองเทรนด์ใหม่ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ตั้งเป้าเติบโต 100 % ในปี 2564 พร้อมปักธงบุกตลาดเอเปกใน 5 ปี
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล เปิดเผยว่า เราอยู่ในยุคที่ธุรกิจกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำให้ Big Data ในตลาดโลกถูกคาดการณ์ที่จะโตถึง 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่โควิด-19 ในปัจจุบัน เป็นตัวเร่งความสำคัญของการใช้ Big Data เพื่อดำเนินธุรกิจ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่องค์กรจะต้องเร่งพัฒนาองค์กร ให้ทุกการตัดสินใจและการทำงานต้องใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และการตัดสินใจมากขึ้น และไม่ใช่เฉพาะฝ่ายบริหาร แต่จะเป็นทุกฝ่ายในองค์กร อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ข้อมูลได้ด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังคงต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและเครื่องมือมากมายในการบริหารจัดการ
กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ในฐานะผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชันอย่างครบวงจร เห็นว่าBig Data คือ เครื่องมือสำคัญในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน จีเอเบิล จึงมองหาโซลูชันที่สามารถบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่ซับซ้อน แบบที่บุคลากรทุกคนในองค์กรสามารถใช้งานได้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
“Blendata เป็นบริษัทคนรุ่นใหม่ภายใต้การผลักดันของจีเอเบิล ที่ไม่ได้เกิดจากความคิดผู้บริหารแต่เกิดจากความคิดและความตั้งใจของพนักงานของจีเอเบิลที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data ที่ตอบโจทย์การใช้งาน All-in-one แบบครบวงจร เป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้สะดวกและง่ายขึ้น แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้าน IT ช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูล Big Data กลายเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ด้วยระบบที่ถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการข้อมูลอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างครบถ้วน ง่ายกับการใช้งาน ทำให้ธุรกิจและองค์กรสามารถก้าวเข้าสู่ยุคของการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตอบรับโอกาสใหม่ ๆ และก้าวข้ามขีดจำกัดแบบเดิม ๆ ในยุคที่ธุรกิจต้องขับเคลื่อนโดยข้อมูล”
ด้านนายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญ 3 อุปสรรคหลักในขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big Data ให้ประสบผลสำเร็จ คือ1. การรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งอย่างมีประสิทธิภาพ 2. ความซับซ้อนของการจัดการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล และ 3. ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ Big Data ไม่ว่าจะเป็น Software, Hardware และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ซึ่งยังคงมีน้อยในประเทศไทย ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้น Blendata จึงมีแนวคิดเริ่มต้นในการพัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถแก้ปัญหาในการทำงานดังกล่าว พร้อมทั้งช่วยองค์กรในการมองหา “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่ใน “ข้อมูล” เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด จนนำมาสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการ Big Data แบบครบวงจรและง่ายต่อการใช้งาน แม้แต่ผู้ที่ไม่มีความรู้ในการเขียนโค้ดก็สามารถใช้ได้ ตอบโจทย์ Pain points 3 ประการข้างต้นได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ จุดเด่นของ Blendata การเป็นแพลตฟอร์มที่ครบวงจร คือ 1. ลดเวลาและความซับซ้อน ในการรวบรวมข้อมูลในองค์กร บริหารจัดการ ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลไปใช้ เช่น การสร้างแดชบอร์ดแสดงผลภาพรวม ได้ง่ายแบบไม่ต้องเขียนโค้ด 2. เชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลในองค์กรและนำมาใช้งานได้จากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก Databases, Flat files, Log, และ Cloud Storages 3. ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้เป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล ด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลในหน่วยความจำแบบคู่ขนาน 4. แพลตฟอร์มแบบเปิด เก็บข้อมูลในรูปแบบ Open formats พร้อม API ที่สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นได้ ไม่เฉพาะกับ Blendata 5.ทำงานอิสระในทุก Environment เช่น Bare metal, Virtual Machine, Hyper-converged หรือแม้กระทั่งทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้ว เช่น Hadoop ecosystem 6. ลดการลงทุนทางด้านบุคลากร ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และการบำรุงรักษา ด้วยการรวบรวมทุกฟังก์ชันในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่เริ่มให้บริการแล้วคือ แพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise”มุ่งกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้งนี้ มีแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Big Data เพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุม และตอบความต้องการไปยังธุรกิจขนาดกลาง ภายในปีนี้
“สำหรับแพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” ของ Blendata สามารถช่วยให้จัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่าตัว และช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง 160% หรือ 2 ใน 3 ปัจจุบันมีลูกค้าจากบริษัทชั้นนำจำนวนกว่า 15 ราย จาก 11 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร และอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2558 ที่เริ่มก่อตั้ง ธุรกิจสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 50% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2563 Blendata เติบโตถึง 7 เท่าของรายได้ในปีแรก และในปี 2564 นี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 100% ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศกลุ่มเอเปกภายใน 5 ปี”