เปิดมุมมอง AIS 31 ปี เส้นทางการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเพื่อคนไทย เน้นย้ำ 3 ประสาน ประชาชน-รัฐ-เอกชน ร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่การแข่งขันในตลาดโลกชี้! 5G ไทยมาตรฐานเทียบเท่าสากล สามารถเป็นสปริงบอร์ดพาชาติผ่านวิกฤต
วันนี้ (1 ตุลาคม 2564) ในโอกาสครบรอบ 31 ปี ก้าวสู่ปีที่ 32 ของ AIS ในฐานะ Digital Life Service Provider ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในบทบาทของผู้พัฒนาเครือข่าย และ ในบทบาทของกลุ่มผู้บุกเบิก ร่วมสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีดิจิทัลในหลากหลายรูปแบบที่ช่วยสนับสนุน ยกระดับวิถีชีวิตประชาชน และรูปแบบการบริหารจัดการของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล และผลักดัน Digital Ecosystem ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยประเทศรับมือความท้าทายแม้ยามวิกฤต เน้นย้ำ 5G ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังมีโอกาสอีกมหาศาล แต่ต้องทำงานแบบ 3 ประสาน ทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ และ ภาคเอกชน อย่างเหนียวแน่น พร้อมชวนทุกภาคส่วนร่วมกำหนดอนาคตท่ามกลางโลกวิถีใหม่
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 31 ปีของ AIS เราได้มีส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงและติดอาวุธดิจิทัลให้กับประเทศ ด้วยเม็ดเงินกว่า 500,000 ล้านบาทในการพัฒนา Digital Infrastructure และอีกกว่า 200,000 ล้านบาทสำหรับค่าใบอนุญาต รวมไปถึงการสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล ทั้งในส่วนของพนักงานเอไอเอสเอง และผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ และท้ายที่สุดคือ ร่วมปลดล็อคการเข้าถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มด้วยเทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมประเทศชั้นนำของโลก โดยถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะตัวแทนประเทศ ที่ทำให้ไทยมีชื่อปักหมุดอยู่ในกลุ่มผู้นำเทคโนโลยีชั้นแนวหน้า ผ่านการจัดอันดับจากหน่วยงานชั้นนำ อาทิ Ookla Speed Test ที่จัดอันดับให้ AIS 5G เร็วที่สุดในประเทศไทย”
“โครงข่าย 5G ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล เท่ากับการสร้างโอกาสมหาศาลของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม โดยมีการประเมินว่าในปี 2025 มูลค่าของตลาด 5G ในประเทศไทยจะเติบโตได้สูงถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยตลาดหลักทีมีศักยภาพและเจริญเติบโตได้ดีจะมี 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตภายในบ้านที่อยู่อาศัยผ่านอุปกรณ์ FWA (Fixed Wireless Access) กลุ่มการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Mobile และกลุ่ม B2B ภาคอุตสาหกรรมเป็นสัดส่วนก้อนใหญ่ โดยเน้นไปในกลุ่มธุรกิจการผลิต, การค้าปลีก, การขนส่งและการกระจายสินค้า ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้ศักยภาพของ 5G ในเมืองไทยสามารถตอบโจทย์ได้ในทุกกลุ่ม จากการทำงานอย่างหนักของ AIS ในช่วงปีที่ผ่านมาผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต การเงิน ค้าปลีก สาธารณสุข การศึกษา และอีกมากมายซึ่งแน่นอนว่าได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างแน่นอน
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “5G ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาพใหญ่ของโลกในยุค New Normal ใน 3 ประเด็นหลัก คือ
Anywhere Operations เพราะสถานการณ์จากโควิด ได้บีบบังคับให้เกิดพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน (WFH) เรียนที่บ้าน (LFH) หรือทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา อย่างทันทีทันใด ความท้าทายจึงอยู่ที่ความเร็วในการปรับตัวและสร้างรูปแบบการบริหารจัดการองค์กร รวมไปถึงการพัฒนา “คน” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความแข็งแกร่งของประเทศ
Internet of Behavior (IoB) หลังจากที่ IoT หรือ อุปกรณ์ทุกสิ่งถูกเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เสมือนเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการเชื่อมต่อเหล่านั้น เพื่อให้เข้าใจและสามารถ Personalize บริการต่างๆให้ได้ถึงระดับ Nano Segment
Space that blurred the physical and virtual เมื่อผู้คนต่างใช้ชีวิตทุกด้าน ทั้งเรียน ทำงาน ช็อปปิ้ง รับชมความบันเทิง ผ่านหน้าจอบนโลกออนไลน์ จึงทำให้เทคโนโลยี Virtual Reality หรือ Augmented Reality หรือ แม้แต่ Metaverse ที่เป็นเทรนด์ล่าสุดได้ก้าวเข้ามาสร้างโลกเสมือนจริง ที่มอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ที่สามารถเชื่อมต่อ มีปฏิสัมพันธ์กับโลกแห่งความจริง อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งเชื่อว่าจะกลายเป็นวิถีปกติใหม่ในท้ายที่สุด
โดยรวมผลกระทบทั้ง 3 ข้อ กระตุ้นให้ทุกคนต้องปรับตัว เปลี่ยนวิธีคิด ในทุกเรื่องอย่างเร่งด่วน ดังนั้น AIS หนึ่งใน Digital Ecosystem ของประเทศ ที่นอกจากจะมุ่งมั่นกับ 3 เป้าหมายหลักเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต ที่ประกอบด้วย คือ 1. เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอย่างสูงสุดเสมอจากธุรกิจไร้สายปัจจุบัน 2. ต่อยอดกลไกแห่งการเติบโตผ่านธุรกิจเน็ตบ้านและบริการลูกค้าองค์กร 3. ลงทุนในธุรกิจดิจิทัลเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต แล้ว หน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากฝีมือคนไทยที่ไม่แพ้ต่างประเทศ ก็เป็นหน้าที่ของเราเช่นกันที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ดังกรณีของการเปิดหน่วยงานใหม่ที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์พัฒนา Metaverse Human คนแรกของไทย ด้วยฝีมือคนไทย ที่จะมาเป็น Brand Ambassador หนึ่งใน AIS Family คนใหม่ ในชื่อ น้อง ไอ-ไอรีน พร้อมกับการออกแบบ Business Model ของการตลาดที่โลกยุค Metaverse นั้น KOL จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆในธุรกิจได้อย่างมหาศาลและทำให้ไทยพร้อมแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง AIS ถือเป็นหน้าที่ในการร่วมผลักดันนวัตกรรมนี้ในฐานะผู้พัฒนาโครงข่าย 5G และพร้อมต้อนรับพาร์ทเนอร์ที่สนใจมาร่วมทำงานด้วยกันอีกด้วย
นายสมชัย กล่าวต่อไปอีกว่า “ท่ามกลางสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่แปรปรวนจากการมาถึงของโควิด และก่อให้เกิดการ reset ในหลายด้าน และนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมๆกัน ดังนั้นในฐานะที่ประเทศไทย มีจุดได้เปรียบอยู่ที่ศักยภาพของคน และโครงสร้างพื้นฐานอย่าง 5G ที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ การนำศักยภาพทั้งหมดมาเสริมความเข้มแข็งของประเทศได้อย่างดีที่สุด จึงต้องเกิด 3 ประสานที่สมบูรณ์แบบ เริ่มจากภาคประชาชน ที่วันนี้มีความพร้อมที่จะปรับตัว เปิดรับการใช้เทคโนโลยีเพื่ออยู่ในโลกปกติใหม่ได้อย่างดี ต่อมาคือ ความแข็งแกร่งของภาครัฐที่มีทรัพยากรในมือมหาศาล หากแต่มีความท้าทายอยู่ที่ความสามารถในการบูรณาการให้เกิดพลัง รวมถึงการกำหนดกรอบนโยบายที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริง ซึ่งเมื่อผสมผสานเข้ากับภาคเอกชน ทั้งผู้ให้บริการเครือข่าย และผู้ประกอบการทุกกลุ่มใน Digital Ecosystem ที่ต่างเดินหน้าทำงาน และลงทุนต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Digital Infrastructure และให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า ประเทศไทย จะเป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมดิจิทัลและเติบโต พร้อมแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแน่นอน และ AIS พร้อมจะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกำหนดอนาคตเพื่อให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม”