สยามพิวรรธน์ ตอกย้ำจุดยืนผู้นำแห่งวิสัยทัศน์ “The Visionary Icon” เปิดยุทธศาสตร์ด้านดิจิทัล เชื่อมโลกคู่ขนานออฟไลน์ – ออนไลน์ที่ไร้พรมแดน เตรียมเริ่มใช้ VIZ Coins ที่ลูกค้าสามารถนำมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อยกระดับประสบการณ์และสิทธิพิเศษที่เงินซื้อไม่ได้ พร้อมพัฒนาสู่ฟินเทคในอนาคต
นายอริยะ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท Transformational และทำหน้าที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าสยามพิวรรธน์จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยและไม่กี่รายในโลกที่ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับคู่ค้าและมอบประสบการณ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะให้แก่ลูกค้า เราต้องการออกแบบประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าแค่การจับจ่ายออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนลด ความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์คือการเนรมิตประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าคนสำคัญรวมทั้งลูกค้าที่มีกำลังใช้จ่ายสูงและกำลังมองหาประสบการณ์ที่ตรงใจมากกว่าที่เคย ไปพร้อม ๆ กับการตอบรับความต้องการของคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น เรามุ่งหมายที่จะรังสรรค์แพลตฟอร์มใหม่ที่เน้นคอนเทนต์รายวันที่มีความน่าสนใจ ซึ่งเข้ากับความชื่นชอบของผู้บริโภค พาลูกค้าเปิดโลกไปกับเทรนด์ใหม่ แบรนด์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงกิจกรรมใหม่ตลอดทั้งปี รวมทั้งมอบสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ที่คัดสรรมาเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละราย”
“จากสถานการณ์โควิด-19 ผนวกกับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผลักดันให้กระแสอีคอมเมิร์ซทะยานถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไม่ได้ออกไปไหนและต้องทำงานที่บ้านมาเกือบสองปี ลูกค้าต่างให้การตอบรับกันเป็นอย่างดี เมื่อศูนย์การค้ากลับมาเปิดให้บริการในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้เราคิดถึงความสุขของการเลือกซื้อสินค้าในโลกออฟไลน์ ในฐานะลูกค้า เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองใบนี้ไปพร้อม ๆ กัน จึงเรียกได้ว่า การเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นดั่ง “โลกคู่ขนาน” ได้หยั่งรากลึกลงในกลยุทธ์และแนวคิดของสยามพิวรรธน์ในทุกวันนี้” นายอริยะ กล่าว
สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวภายใต้กลยุทธ์โลกคู่ขนาน มี 4 องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้
1. ผนึกร้านค้า คู่ค้า พันธมิตรและแบรนด์ที่หลากหลาย : คือ ดีเอ็นเอและหัวใจความสำเร็จที่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยและสร้างความแตกต่างให้กับสยามพิวรรธน์ ซึ่งนับตั้งแต่การเปิดตัว Ultimate Chat & Shop เมื่อเดือนเมษายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ระลอก 4 ทำให้เราพบว่าลูกค้ามียอดใช้จ่ายออนไลน์สูงกว่ายอดซื้อปกติในประเทศไทยโดยเฉลี่ยถึง 9-10 เท่า โดยในอนาคตอันใกล้ สยามพิวรรธน์มีแผนจะดึงแบรนด์และคู่ค้าระดับพรีเมียมและลักชัวรีอีกมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว
2. ชูธงสร้างคอมมูนิตี้ที่คัดสรรความพิเศษมาให้โดยเฉพาะ : สยามพิวรรธน์จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกอีกครั้ง ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์มากกว่า 3,000 คอนเทนต์ในแต่ละเดือน ในคอมมูนิตี้ออนไลน์แพลตฟอร์มที่สร้างบนความสนใจของลูกค้าให้ได้รู้ก่อนใคร ผสานการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าแบบบูรณาการ (Loyalty Program) เชื่อมออฟไลน์ – ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด สยามพิวรรธน์เชื่อในการสร้างคอนเทนต์ สร้างความผูกพันกับลูกค้าเพื่อให้มาจับจ่ายกับแบรนด์ต่าง ๆ ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพราะส่วนลด แต่เป็นเพราะแบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์โปรด หรือแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น ลูกค้าต้องการอะไร เทรนด์ มิกซ์แอนด์แมตช์ หรือการดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงและขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้เป็นสำคัญ
3. เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนาน : ลูกค้าที่มีกำลังย่อมมองหาประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาแล้วอย่างพิถีพิถัน ดังนั้น การเข้าไปอยู่ในใจลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ใช่การมีสินค้านับหมื่นรายการ แต่ต้องมีสินค้าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นคือต้องอาศัยศิลปะในการสื่อสารและนำเสนอสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ และอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และสินค้าเฉพาะบุคคล แพลตฟอร์มที่กำลังจะเปิดตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นพบแบรนด์ สินค้า และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมต่อโลกออฟไลน์สู่โลกออนไลน์ไว้ในมือคุณ ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยสยามพิวรรธน์มีแผนเตรียมขยายศักยภาพของการเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนจริงด้วย Metaverse ในอนาคต
4. นำเสนอระบบรีวอร์ดที่ไร้ขีดจำกัด : สยามพิวรรธน์ยกระดับ Loyalty Program พร้อมเริ่มใช้ VIZ Coins เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้า ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการภายในศูนย์การค้า บนช่องทางออนไลน์ และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าเปลี่ยนคะแนนในบัตรเครดิต เพื่อเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้แพลตฟอร์มใหม่นี้พัฒนาจากความร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่าง ๆ เช่น พัฒนาร่วมกับคู่ค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์ พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ข้อมูล และโปรแกรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และพัฒนาร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังต่าง ๆ เพื่อสร้างคอนเทนต์สำหรับแต่ละคอมมูนิตี้
นายอักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “เป้าหมายหลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็น ผู้นำตลาดในการบุกเบิกโมเดลธุรกิจใหม่ สร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัล” เพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ สยามพิวรรธน์ ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก
ซึ่งล่าสุดได้จับมือ ZIPMEX ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ ZIPMEX Token เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง พร้อมเดินหน้าสร้างโปรแกรมเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการมอบประสบการณ์ที่เสริมคุณค่าและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต รวมทั้งได้ร่วมมือกับ KX ในการเปิดตัว Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะร่วมกันสร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทั้งในด้านศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ และสร้างสุดยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ โดยใช้พื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยาม ในการจัดทำ NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art ได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้น สยามพิวรรธน์ ยังได้จับมือกับ Perx Technologies ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่บนโลกดิจิทัลที่จะขยายฐานลูกค้าของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศให้กว้างไกลยิ่งขึ้นทั่วโลก ผ่านกลุ่มพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้า (Global Partners) ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าจะได้รับประโยชน์เต็มอิ่ม กับสิทธิประโยชน์เหนือระดับภายใต้ Loyalty Program ที่ Personalized เป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ พร้อมเสริมความสนุกเร้าใจกับการจับจ่ายใช้สอยผ่านเกมมิฟิเคชัน (Gamification) ที่จะทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่างและเงินซื้อไม่ได้ เรายังเตรียมประกาศเปิดตัวพันธมิตรใหม่ พร้อมทัพคนดิจิทัลที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน”
“การขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยสำคัญ คือการสร้างทัพทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณอริยะ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายบริษัท ที่มาช่วยสยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนแผนงานดิจิทัล และนวัตกรรม สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจ ได้แสดงศักยภาพ และท้าทายความสามารถของตนเองในแบบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ผ่านการทำงานในรูปแบบโครงการธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่ผู้ร่วมงานสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว (Self-Directed Team) พร้อมทั้งได้เรียนรู้และลงมือทำงานที่แปลกใหม่ในทุก ๆ วัน ได้ใกล้ชิดกับพันธมิตรองค์กรใหญ่ แบรนด์ดังระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญจากทุกสาขา เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ และมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก การได้เข้าร่วมงานกับสยามพิวรรธน์จะเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ทำในสิ่งที่พิเศษแบบครั้งหนึ่งในชีวิต และร่วมสร้างผลงานที่จะเป็น Talk of the world พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างไปจากที่อื่น” นายอักเซล กล่าวปิดท้าย