“เอนก” หนุน ม.ขอนแก่นผู้นำอุดมศึกษาในภูมิภาค พร้อมดันมหาวิทยาลัยทุกแห่งช่วยเศรษฐกิจ ผุด”มาร์เก็ตเพลส” เพิ่มมูลค่าสินค้าสินค้าและนวัตกรรม
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) กล่าวในการประชุมเชิงนโยบายร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) จ.ขอนแก่น ระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดําเนินงานโครงการจ้างงานประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19 และโครงการยกระดับ เศรษฐกิจและสังคมรายตําบล แบบบูรณาการ หรือโครงการ 1 ตําบล 1 มหาวิทยาลัย ว่า ภาคอีสานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย ทั้งในด้านขนาดพื้นที่ จำนวนประชากร 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของไทย และมีความสำคัญเชิงภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีพรมแดนติดกับลาวและกัมพูชา และอยู่ใกล้เวียดนามและจีน ซึ่งในส่วนของประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม หรือกลุ่ม CLMV จึงขอให้ มข. เป็นผู้นำด้านการอุดมศึกษาในภูมิภาค
นอกจากนี้ประเทศจีน ยังมองว่า จ.ขอนแก่น และภาคอีสานมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์โดยมีระบบรางรถไฟจากจีนเชื่อมสู่ภาคอีสาน และ มีการเดินทางทางอากาศ คือ เครื่องบิน จากเมืองสำคัญของจีนในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไทยผ่านภาคอีสานมากกว่าภาคเหนือ ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกา ก็เห็นความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของภาคอีสาน ในการตั้งฐานทัพสหรัฐฯ เพื่ออยู่ใกล้ลาว กัมพูชา และจีน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาคอีสาน ในเชิงการเมืองยุคปัจจุบัน หากอีสานขยับ ประเทศไทยก็เขยื้อน จึงขอให้มหาวิทยาลัยในภาคอีสานขยับ ทำให้เกิดความภูมิใจในภาคอีสาน เป็นอีสานใหม่ที่มีคนเก่ง มีความรู้ทางวิชาการ พัฒนาประเทศไทยในอนาคต
รมว.อว.กล่าวอีกว่า ขอให้มหาวิทยาลัยนำพาให้คนอีสาน มองเห็นโอกาส แทนที่การมองปัญหา ทั้งนี้ ตนมีนโยบายให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งเป็นหน่วยเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ (University as Marketplace) งบประมาณ อว. 150,000 ล้านบาท ร่วมกับกำลังซื้อของบุคลากรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ประมาณ 150,000 ล้านบาท เป็นกำลังซื้อรวมถึง 300,000 ล้านบาท หากจัดให้มีระบบการซื้อสินค้าอย่างมีเป้าหมาย จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนานวัตกรรมได้ เช่น ให้มหาวิทยาลัยซื้อสินค้านวัตกรรมของมหาวิทยาลัย เป็นต้น ขณะเดียวกัน อว.ยังมีหน่วยงานวิทยาศาสตร์ มีเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น เครื่องฉายแสงซินโครตรอน เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดดึงดูดคนเก่งทั่วโลกให้มาทำงานในประเทศไทยได้อีกด้วย