อว. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG โชว์ผลงานวิจัย วว. ที่ได้ดำเนินโครงการตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ด้านการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์โพรไบโอติกและสารชีวภัณฑ์ ระบุผลดำเนินงานในปี 2564 สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคมได้กว่า 860 ล้านบาท
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว. เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนประเทศเชิงบูรณาการในทุกมิติ มุ่งใช้ความได้เปรียบเชิงทรัพยากรและวัฒนธรรมโดยการขับเคลื่อนนโยบาย BCG เป็นฐานในการพัฒนา ที่มีเป้าหมายร่วมคือ “ก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง สู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนภายใน 7 ปี” และจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทุกส่วนในสังคมได้รับผลกระทบนั้น อว. ได้ดำเนินงานเชิงรุกในการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปช่วยตอบโจทย์ แก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินงานแบบบูรณาการของหน่วยงานในสังกัดและพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีกลไกขับเคลื่อน อาทิ การสร้างเศรษฐกิจจากฐานจุลินทรีย์ให้มีมูลค่าอย่างน้อย 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยการสร้างผู้ประกอบการ ธุรกิจฐานนวัตกรรม เพิ่มสมรรถนะการวิจัยและบุคลากร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยเอื้อ (Microbial bank การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์) ส่งเสริมการลงทุนและมาตรการทางการเงิน รวมทั้งมุ่งเน้นสนับสนุนให้มีการทำเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น สามารถแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมโดยรวม
“สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดของ อว. ที่ได้รับการคัดเลือกจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้เข้าร่วมโครงการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด ตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในด้านจุลินทรีย์และสารชีวภัณฑ์ที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนของ อว. เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของ อว. ช่วยให้สังคมของเราแข็งแกร่ง ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ” ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าว
ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงการดำเนินงานภายใต้โครงการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจำนวน 860 ล้านบาท โดยได้รับการอนุมัติจำนวน 2 โครงการ โครงการแรกคือ ศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (ICPIM) เป็นคลังหัวเชื้อจุลินทรีย์กว่า 10,000 ชนิด มีภารกิจวิจัยพัฒนา ผลิต บริการ ด้านอาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากโพรไบโอติก/พรีไบโอติก ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับคนไทย
ผลสำเร็จการดำเนินงานสามารถสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศ โดยขยายการผลิตจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นได้ 25,000 ลิตรต่อปี พัฒนานวัตกรรมจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่โดดเด่นได้ 15 สายพันธุ์ที่มีศักยภาพตามมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และขึ้นทะเบียนสายพันธุ์จุลินทรีย์โพรไบโอติกกับ อย. ได้แล้วจำนวน 8 สายพันธุ์และอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนอีก 7 สายพันธุ์ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เสริมโพรไบโอติก ได้แก่ ไอศกรีม นมอัดเม็ด ปลาร้าผง น้ำพริกพร้อมทาน เครื่องดื่มชงเย็น jelly และอาหารเสริมสูตรฟังก์ชั่นสำหรับ 1.ลดน้ำหนัก 2.สร้างภูมิคุ้มกัน 3.ลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 4.กระตุ้นการทำงานของสมอง และ 4.ปรับสมดุล รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมการยืด Shelf life ของโพรไบโอติกในผลิตภัณฑ์ต่างๆ นวัตกรรมลดต้นทุนการผลิตโพรไบโอติกเพื่อการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ นวัตกรรม synbiotics และ post-biotics เพื่อเสริมภูมิสุขภาพและป้องกันโรค NCDs สามารถสร้างผู้ประกอบการได้ 41 ราย ชดเชยการนำเข้าหัวเชื้อจุลินทรีย์ได้ 30% ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ 380 ล้านบาท และผลกระทบทางสังคม 110 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 คือโครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล มีผลสำเร็จการดำเนินงาน คือ 1. ผลิต “สารชีวภัณฑ์ 5 สายพันธุ์” ร่วมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานพื้นที่ “กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัด” รวมจำนวน 1.3 ล้านลิตร เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชทดแทนสารเคมีทางการเกษตร ลดสารพิษตกค้าง เพิ่มความปลอดภัย ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกรผู้ใช้ ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และลดการนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ โดย วว. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารชีวภัณฑ์ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และอยุธยา ครอบคลุม 4 กลุ่มพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ไม้ผล พืชไร่ (ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง) พืชสมุนไพรและพืชผัก
2. พัฒนากระบวนการขยายชีวภัณฑ์ทั้งในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และระดับชุมชน 3. จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมผลิตเชื้อจุลินทรีย์ทางการเกษตร (Innovative Center for Production of Microorganisms Used in Agro- Processing Industry, ICAP) มีกำลังการผลิต 115,000 ลิตรต่อปี โดยมีเกษตรกรกว่า 200 ราย นำเทคโนโลยีไปใช้ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มีการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร โดยมีเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และบริษัท รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต functional food และบรรจุภัณฑ์ มีผู้ประกอบการร่วมลงทุนด้าน R&D ภายใต้ BCG Model และเกิดต้นแบบผลิตภัณฑ์ functional food และเวชสำอาง จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ และต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ต้นแบบ ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินงานข้างต้นจำนวน 370 ล้านบาท