นักวิจัยจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ พัฒนาเทคโนโลยีกลุ่มจุลินทรีย์ ระบุแหล่งกำเนิดน้ำเสียในประเทศไทย ช่วยแก้ปัญหามลพิษและโรคทางน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมโชว์ผลงานซึ่งคว้ารางวัลผลงานวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2565 ในงานวันนักประดิษฐ์ 2 – 6 กุมภาพันธ์นี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
ดร.ขวัญรวี สิริกาญจน นักวิจัยเชี่ยวชาญ จากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ หัวหน้าโครงการ “Microbial source tracking: เทคโนโลยีเพื่อการติดตามแหล่งปนเปื้อนจากน้ำเสียสู่การบริหารจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน” เปิดเผยว่า โครงการวิจัย ดัง กล่าวได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีผลกระทบสูงต่อประเทศ ช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม และลดปัญหาข้อขัดแย้งจากการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยได้ประสบปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
การใช้เทคโนโลยีกลุ่มจุลินทรีย์ในการตรวจระบุแหล่งกำเนิดน้ำเสียในประเทศไทย หรือ Microbial Source Tracking ; MST มีกรอบการทำงานครอบคลุมตั้งแต่ การพัฒนาวิธีการตรวจวัดจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหารที่จำเพาะกับมนุษย์และสัตว์แต่ละชนิด โดยอาศัยการตรวจวัดเชื้อไวรัสที่จำเพาะกับแบคทีเรีย หรือเรียกว่า แบคเทอริโอเฟจ และการตรวจทางอณูชีวโมเลกุลของสารพันธุกรรมด้วยวิธีพีซีอาร์ และพีซีอาร์เชิงปริมาณ การศึกษาลักษณะเฉพาะต่าง ๆ เช่น ความคงทนในสิ่งแวดล้อม ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการวิเคราะห์ จนได้เป็นเทคโนโลยีการตรวจแหล่งปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการที่มีความพร้อมทดสอบวิธีที่พัฒนาใหม่ในพื้นที่จริงของประเทศ มีการพัฒนาเทคนิคตัวอย่าง ประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้สัมผัสน้ำปนเปื้อน และต่อยอดองค์ความรู้พัฒนาเครื่องมือแบบพกพาสำหรับตรวจวัดจุลินทรีย์เพื่อระบุการปนเปื้อนในภาคสนาม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านห้องปฏิบัติการวิจัยขั้นสูง ที่สามารถรองรับการแก้ไขปัญหาในโจทย์ใหม่ที่มีความท้าทายสูง เช่น การเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคอุบัติใหม่โควิด-19 ในน้ำเสีย ทำให้ไทยสามารถตอบสนองปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และเท่าทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ผลการวิจัยได้รับการต่อยอดร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประปานครหลวง และกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อใช้ประโยชน์งานวิจัยในการระบุแหล่งปนเปื้อนมลพิษ พร้อมกำหนดแผนจัดการฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน แผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ได้อย่างเหมาะสมกับงบประมาณและความรุนแรงของปัญหาในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะการส่งเสริมแนวคิดใหม่ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง หรือ Blue Economy ให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวทางน้ำ และเพื่อเตรียมพร้อมให้ไทยเป็นผู้นำด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในอาเซียน อันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะด้านสุขภาพของประชาชนชาวไทย โดยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ
ผลสำเร็จของโครงการเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยได้เผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ กว่า 13 ผลงาน อ้างอิงผลกระทบเชิงวิชาการในระดับนานาชาติ 95 ครั้ง และคว้ารางวัลผลงานวิจัยระดับนานาชาติ จำนวน 6 รางวัล และล่าสุด ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงานในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2565 โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา