กลุ่มบริษัทสามารถแถลงทิศทางและโอกาสทางธุรกิจในปี 2565 มั่นใจผลประกอบการโดยรวมฟื้นตัวเป็นบวก กว่า 60 % ตั้งเป้าปีนี้ประมูลงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท พร้อมเร่งการฟื้นตัวของ SDC ด้วยการผลักดันธุรกิจทางด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ในรูปแบบสตาร์ทอัพอย่างจริงจัง
วันนี้(26 ม.ค. 2565) นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวในการแถลงข่าว “ทิศทางธุรกิจและแนวทางพิชิตปีเสือ” ของกลุ่มบริษัทสามารถว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่จำนวน 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 60 % จากปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกในหลายๆ ด้านมาช่วยเสริมความมั่นใจและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัท อาทิ นโยบายรัฐในการเร่งพัฒนา e-Government Services เพื่อรองรับบริการประชาชนในยุค New Normal จะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจทางด้าน Digital ICT Solutions ของกลุ่มสามารถเทลคอม ซึ่งมีความชำนาญในการคัดสรรเทคโนโลยีครบวงจรเพื่อให้บริการภาครัฐ และมีความพร้อมในนำเสนอบริการในรูปแบบ Outsourced Services เพื่อลดภาระในการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ และเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการประชาชน ปัจจุบันกลุ่มสามารถเทลคอมมีมูลค่างานในมือจำนวน 7,200 ล้านบาท โดยตั้งเป้าพิชิตโครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยบวกที่สอง คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการเดินทางจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังโควิดคลี่คลาย ซึ่ง CATS คือ หนึ่งในกลุ่มสามารถยูทรานส์ ที่ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างชัดเจน เนื่องจากประเทศกัมพูชาได้เปิดให้มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศ ภายใต้ข้อกำหนด ตั้งแต่เดือน พ.ย ปีที่แล้ว ผ่านสนามบินนานาชาติ ทั้ง 3 แห่ง จึงส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีนและเวียดนาม ส่วนปัจจัยที่สามคือ ความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการพื้นฐานในประเทศ อาทิ โครงการที่เกี่ยวโยงกับพลังงานและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งบริษัทเทด้า ที่อยู่ภายใต้สายธุรกิจ Utilities & Transportation มีความเชี่ยวชาญการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า การวางสายส่งไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือกว่า 3,300 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่ม Backlog ได้อีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทสามารถยูทรานส์ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาด เพื่อการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องของการเข้าสู่ชีวิตในยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ คือ โอกาสในการฟื้นตัวของ SDC โดยบริษัทจะมุ่งสู่การเป็น Digital Lifestyle Content Enabler อย่างเต็มตัว โดยอาศัยประสบการณ์ในการให้บริการ Content ทางด้านโหราศาสตร์ กว่า 25 ปี มาพัฒนา Horoworld Application ให้เป็น One stop Service ทางด้านโหราศาสตร์และความเชื่อ อีกทั้งยังเตรียมเปิดตัวอีกหนึ่ง Online service สำหรับสายบุญ ทั้งในและต่างประเทศ ให้สามารถไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี ตลอดจนการบูชาวัตถุมงคลผ่าน Online Platform ได้กับทุกวัด ทุกสถานที่ศักด์สิทธิ์ โดยไม่ต้องเดินทาง ช่วยลดความเสี่ยงในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งทั้งสองบริการนี้จะเป็น Flagship ให้กับบริการ Lifestyle Content อื่นๆ ที่จะตามมา ในสายกีฬา สุขภาพ กิน ดื่ม เที่ยว และสายสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจดิจิตอลใหม่ๆ บริษัทจึงมีแผนในการจัดตั้งบริษัทในรูปแบบ start up ซึ่งขณะนี้ อยู่ในระหว่างการนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนที่ให้ความสนใจเป็นอย่างดี คาดว่าจะสามารถเปิดตัวบริษัทใหม่ได้ในไตรมาสสองปีนี้
“จากปัจจัยบวกข้างต้น บริษัทจึงมั่นใจในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในกลุ่มสามารถทั้งหมด โดยตั้งเป้ารายได้สายธุรกิจ Digital ICT จำนวน 7,000 ล้านบาท,สายธุรกิจ Utilities & Transportation จำนวน 2,500 ล้านบาท, สายธุรกิจ Digital จำนวน 3,000 ล้านบาท และสายธุรกิจอื่นๆ อีกจำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ จะรวมรายได้จากโครงการ Direct Coding ที่จะทยอยรับรู้ในไตรมาสแรกของปีนี้ รวมรายได้ปี 2022 ที่ตั้งไว้จำนวน 14,000 ล้านบาท โดย ปัจจุบัน กลุ่มสามารถมีมูลค่างานในมือรวมกันกว่า 22,000 ล้านบาท จึงยิ่งเป็นฐานในการสร้างความมั่นคงให้แก่ธุรกิจและความมั่นใจให้แก่นักลงทุน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้บริษัทต้อง ตื่นตัว และ ปรับตัวตลอดเวลา เพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน กลุ่มสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรคมามากมาย และทิศทางธุรกิจจากนี้ไป จะสะท้อนให้เกิดการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มสามารถอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น” นายวัฒน์ชัยกล่าว