ทีโอที-มิวสเปซ เดินหน้าเทคโนโลยีอวกาศ หลังยิงจรวด Blue Origin ขึ้นฟ้าสำเร็จ เร่งนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และขยายผลดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากการที่ ทีโอที ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับ บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัดเพื่อศึกษาและวิจัยความเป็นไปได้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีไร้สายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) โดยทีโอที ได้จัดคณะทำงาน เพื่อดำเนินการศึกษาควบคู่กับการพัฒนาบุคคลากร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารและพนักงาน เพื่อสร้างองค์ความรู้และขีดความสามารถในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมในอนาคต ตั้งเป้าเป็นผู้นำในการให้บริการและศูนย์กลางเกตเวย์ภาคพื้นดิน ในการให้บริการ Space IDC และ Space Digtal Platform ในอนาคต ด้วยคุณสมบัติที่ได้เปรียบของดาวเทียมวงโคจรต่ำ ในด้านความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ จะทำได้ง่ายกว่าภาคพื้นดิน ทำให้ที่มีโอกาสอย่างมากที่จะเข้าแทนที่การใช้งานบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทางสาย ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้าง Internet Data Center IoT Platformบนวงโคจรในอนาคตข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ผลจากความร่วมมือครั้งนี้ ทีโอที และ มิวสเปซ ได้ส่งอุปกรณ์ขึ้นไปทดสอบกับ Blue Origin จรวดของบริษัทในเครืออเมซอน อเมริกา เมื่อค่ำวันที่ 13 ต.ค.2563 เวลา 20.35 น. ที่ผ่านมาทุกอย่างเสร็จสิ้นตาม Mission ขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ คือรอนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และดำเนินการต่อไป ซึ่งTOT Data Center Payload เป็นชุดการทดลองของ ทีโอที ที่ ทีโอที กับ มิว สเปซ ทดลองส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่วงโคจรระดับ Sub-orbital ด้วยจรวด New Shepard ของ Blue Origin ในเที่ยวบิน NS-13 โดยอุปกรณ์ทดลองดังกล่าวเป็น Server Payload ที่ประกอบไปด้วย Web Server, IoT (Internet of Things) Platform, Big data device ต่างๆ เพื่อการวิจัยสำหรับการพัฒนาดาวเทียมสื่อสาร Low-Earth orbit (LEO) ในอนาคต เพื่อทดแทนระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายแบบ Broadband ในปัจจุบัน
“ทีโอที และ มิวสเปซ อยากให้ในระดับรัฐบาลช่วยสนับสนุนสิ่งที่ทำ ซึ่งไม่ใช้เป็นการแข่งขันกันแต่เป็นการร่วมมือในการทำ Mission เรื่องกิจการอวกาศโดยคนไทยมีส่วนร่วม และ ทีโอที จะมีงานจากความร่วมมือกับ มิวสเปซ อย่างต่อเนื่อง”