กฟผ.-กธช. ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และเดินหน้าเพิ่มพื้นที่ป่าสู่เป้าล้านไร่อย่างยั่งยืน

News Update

กฟผ. ร่วมกับ กธช. ลงนาม MOU “โครงการรวมพลังขับเคลื่อนศาสตร์พระราชา สืบสานงานของพ่อ” และ “โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม” ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ด้วยแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมเดินหน้าสร้างพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร

               วานนี้ (19 เมษายน 2565) ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ เป็นผู้แทน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ “โครงการรวมพลังขับเคลื่อนศาสตร์พระราชา สืบสานงานของพ่อ” และ “โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม” กับ ายไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ (กธช.) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติกล่าวปาฐกถาพิเศษ ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

                ดร.จิราพร กล่าวว่า กฟผ. มีความมุ่งมั่นในการพัฒนา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน โดยเน้นพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีความสัมพันธ์กับ 7 เขื่อนพระนาม 3 โรงไฟฟ้าของ กฟผ. อันได้แก่ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนสิรินธร เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าวังน้อย จึงได้ร่วมกับ กธช. จัดทำ “โครงการรวมพลังขับเคลื่อนศาสตร์พระราชา สืบสานงานของพ่อ”


                โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานควบคู่ไปกับการสร้างความรู้และความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มนํ้า ซึ่งมีเป้าหมาย “หยุดท่วม-หยุดแล้ง อย่างยั่งยืน” รวมถึงสนับสนุนและพัฒนาศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติภายในชุมชนสู่การเป็นศูนย์ต้นแบบการพัฒนามนุษย์ตลอดชีวิต ขยายผลพื้นที่ตัวอย่างต้นแบบโคก หนอง นา โมเดล เพื่อถ่ายทอดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สู่การปฏิบัติจริง

               นอกจากนี้ กฟผ. พร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำภายใต้นโยบาย EGAT Carbon Neutrality จึงได้ดำเนินแผนงานปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยมีเป้าหมายปลูกป่า 1 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2574 และบำรุงรักษาต่อเนื่องอีก 9 ปี ซึ่งมีทั้งป่าต้นน้ำ ป่าบก และป่าชายเลน โดยในปี 2565 กฟผ. มีแผนลงพื้นที่ปลูกป่าในหลายพื้นที่ เช่น ป่าต้นน้ำ จ.น่าน แพร่ ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย และตาก ป่าชายเลน จ.ชุมพร ปลูกหญ้าทะเลที่เกาะลิบง จ.ตรัง  กฟผ. จึงได้ร่วมกับ กธช. ใน “โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม” โดยทาง กธช.จะเพาะพันธุ์กล้าไม้ และส่งเสริมการปลูกป่าจำนวนไม่น้อยกว่า 600,000 ต้น ได้แก่ ไม้ทรงคุณค่าตามภูมิภาค เช่น สัก ประดู่ มะค่า และไม้ยืนต้น เพื่อส่งเสริมการปลูกป่าชุมชนและป่าเพื่อประโยชน์ใช้สอยร่วมกันในพื้นที่ชุมชนและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มศักยภาพการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคม โดยการจัดอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแนวคิดทฤษฎีการปลูกป่าตามแนวพระราชดำริและตามหลักกสิกรรมธรรมชาติสู่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน อีกทั้งสนับสนุนทีมอาสาสมัครในพื้นที่เพื่อติดตามดูแลพื้นที่ป่าที่ปลูกร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

               บันทึกข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับ มีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี  โดย กฟผ. และ กธช. จะร่วมกันดำเนินภารกิจต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน